ต่างคนต่างไป

สิงหาคม 14, 2007

วันนี้นั่งเปิดดูรูปถ่ายและคลิปฉาว เอ้ย! คลิปฮาๆ ที่ถ่ายกันกับเพื่อนเมื่อครั้งไปเที่ยวที่นิวยอร์ก ดูแล้วก็นั่งขำอยู่คนเดียว เวลาไปไหนมาไหนกับคนที่สนิทกันนี่มันสนุกสุดๆ จริงๆ ดูแล้วก็คิดถึงเพื่อน และคิดถึงบรรยากาศเวลาที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ขาดใครไปคนหนึ่งก็เหมือนขาดรสชาติไป เหมือนต้มยำกุ้งไม่ได้ใส่ตะไคร้ใบมะกรูด (ว่าแต่ปกติเขาใส่กันรึเปล่าหว่า?) ที่คิดถึงพวกมันทั้งหลาย ไม่ใช่ว่าเพราะตัวเองอยู่ไกลบ้านไกลเมือง แต่เพราะพวกมันก็อยู่ไกลบ้านไกลช่องไกลมือไกลเท้าเราเหลือเกิน อยากเตะก้นมันซักป้าบก็ยื่นขาไปไม่ถึง

ออกจะคิดว่า ในยุคสมัยที่โลกใบเล็กลง และคนเดินทางไปร่ำเรียนและทำการทำงานในต่างแดนมากขึ้น ความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งหรือที่เรียกกันว่าเพื่อนซี้จะมีเวลาสั้นลง เพื่อนสมัยมัธยม, มหาวิทยาลัย ที่เราอยู่ด้วยแล้วบ้าคลั่ง เป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรโง่ๆ ต่อหน้ามันได้ เผลอแป๊บเดียวพวกมันก็หนีไปโน่นนี่กระจายตัวไปหมดแล้ว หันกลับมาอีกทีก็มีแต่ความว่างเปล่ากับเพื่อนหน้าใหม่ที่ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะจึงจะรู้จักกันเท่าพวกมัน

เทคโนโลยีต่างๆ เปิดโอกาสให้เรามีเพื่อนได้ง่ายขึ้น งานปาร์ตี้สังสรรค์เปิดโอกาสให้รู้จักคนใหม่ๆ ได้มากขึ้น การเดินทางไปเรียนและทำงานต่างแดนทำให้โลกขยายตัวและได้เจอเพื่อนดีๆ อีกหลายชาติหลายประเทศ แต่ก็นั่นแหละ ขณะเดียวกันก็หดความสัมพันธ์ยาวๆ ให้สั้นลง เราห่างกันเร็วขึ้น และบางที สำหรับบางคนก็มีเรื่องจำเป็นให้ต้องห่างกันเนิ่นนาน บางคนก็ต้องห่างกันตลอดไป ได้ยินแค่ข่าวคราวจากอีเมล ทักกันในเอ็มเอสเอ็น แต่ไม่ได้มาเต้นแร้งเต้นกาเอาก้นบั๊มพ์กันอีก

เพื่อนห้าคนที่ไปเที่ยวด้วยกัน หนึ่งในนั้นยังอยู่นิวยอร์ก อีกหนึ่งอยู่ชิคาโก อีกหนึ่งอยู่ซานฟรานฯ อีกหนึ่งอยู่กรุงเทพฯ เราเองก็ลี้มาเสียที่นี่ บอกพวกมันทุกครั้งว่ากลับบ้านเถิด ไปนั่งคุยกัน สนุกกันอีก บางทีพูดไปก็เหมือนคนโหยอดีต โหยบรรยากาศแห่งความสุข แหม ก็แค่คิดถึงน่ะ

เดินทางมาต่างบ้าน ได้เห็นผู้คนมากมายข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำการทำงานไกลบ้าน ไกลเพื่อน ไกลคนรัก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า เพื่องานที่สนุกกว่า ยิ่งวันเราก็ยิ่งเดินทางออกจากบ้าน ออกห่างเพื่อนกันเยอะขึ้น วันหนึ่ง โลกอาจจะไม่มีบ้าน คนเราสามารถโยกย้ายไปได้ทุกที่ ตลอดชีวิต แต่เราคงยกขบวนเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักไปด้วยไม่ได้ และเราก็จะเริ่มต้นรู้จักคนหน้าใหม่ และรับเขาเข้ามาเป็นเพื่อนอยู่เนืองๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีจะตายไป ได้รู้จักคนอีกมาก ได้ทำความเข้าใจคนต่างชาติต่างภาษา แต่คิดแล้วก็เสียดายอยู่เหมือนกัน เสียดายความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดสนิทสนมแบบยาวนานของเพื่อนๆ สมัยเด็ก และสมัยมหาวิทยาลัย

เพื่อนทั้งสามคนที่อยู่ที่อเมริกายังมีความสุขดีกับชีวิตที่นู่น หนึ่งในนั้นถึงกับประกาศออกมาแล้วว่าอาจจะใช้ชีวิตที่นั่นกับแฟนหนุ่ม ยุคหนึ่ง คนเดินทางขึ้นรถไฟไปทำงานที่กรุงเทพฯ จากบ้านช่อง จากเพื่อนพ้อง จากคนรัก จนคลอดออกมาเป็นเพลงลูกทุ่งนับร้อยๆ เพลงในเนื้อหาใกล้เคียงกัน ยุคนี้ คนออกจากบ้านไกลขึ้น เพื่ออนาคตที่ไกลขึ้น? เรารู้จักคนมากขึ้น แต่เราอาจจะรู้จักเพื่อนแต่ละคนน้อยลง

ก็แค่บันทึกไว้ ในวันที่เปิดรูปพวกเราออกมาดู แล้วนั่งขำอยู่คนเดียว

42 Responses to “ต่างคนต่างไป”

  1. beam Says:

    เพิ่งแยกจากเพื่อนมาเมื่อกี้

    พามันไปกินข้าว หลังจากที่มันนั่งรถมาจากลำปาง

    เพื่อแค่มากินข้าวด้วยกันที่เชียงใหม่

    แล้วต้องกลับลำปางพรุ่งนี้เช้าเพื่อไปต่อรถกลับกรุงเทพอีกที

    ช่วงเวลาแห่งความสุขช่างสั้นนัก เผลอแปปเดียวก็ต้องจากกัน

    ไปตามชีวิตของแต่ละคน

    ว่าแต่ กว่ามันจะกลับก็ตั้งพรุ่งนี้

    คืนนี้ยังมี ให้ต่อเวลาได้อีกนิด

    คิดได้ก็

    หอบผ้าไปนอนหอเพื่อนดีกว่า

    นอนเบียดมันให้อุ่นไปเลย

    ไปละ ขอตัว

  2. ปอนด์ Says:

    แหม ตรงใจตอนนี้เลยค่ะ
    เพราะว่าเพิ่งตระเวนไปงานเลี้ยงส่งเพื่อนสมัยมัธยมกันมา
    คนหนึ่งไปญี่ปุ่น (ฮือๆ)
    เพื่อนสนิทอีกคนที่มหา’ลัย ก็จะไปอเมริกา (ฮือๆ)
    เพื่อนสมัยมัธยมเป็นอะไรที่ผูกพันกันมากเหมือนกัน
    เพราะยังไงก็เหมือนโตๆมาด้วยกัน ผ่านวัยหัวเลี้ยวหัวต่อมาด้วยกัน
    พอไปงานเลี้ยงอำลาแบบเนี้ยก็อดนับไม่ได้ว่า มีใครหายไปบ้าง
    เพราะก่อนหน้านี้ก็ไปเรียนต่อกันหลายคน
    คนที่เหลือๆก็เลยนั่งคุยกัยเรื่องวันเก่าๆ
    แต่ก็อดใจหายไม่ได้เลยค่ะ


  3. ผมไม่ชอบคำว่า “กระจัดกระจาย” เอาซะเลย
    ลองออกเสียงดูสิครับ

    แต่นับวันคนในชีวิตเราก็ต่างมีที่ทางที่ต้องไป
    ที่เขาว่ากันว่าโลกกว้างเท่ากับจำนวนคนที่เรารู้จัก ท่าจะจริงแฮะ

  4. guyver Says:

    ช่วงเวลาที่นั่งดูรูปเก่าๆ … ผมก็มีเวลาช่วงแบบนี้เหมือนกันนะ …

  5. pooh Says:

    ตอนนี้ไม่มีใครชวนไปกินส้มตำอีกแล้ว ตั้งแต่เพื่อนสาวชาวอีสานบ้านเฮาย้ายไปอยู่อเมริกา (ป่านนี้คงตัวซีดผอมโซเพราะอดปลาร้า)

    เพื่อนสาวชาวเกย์ก็ย้ายไปอเมริกาอีกคน เราก็คงไม่ได้ไปสีลมซอย 2 อีกแล้ว (แล้วอย่ามาบ่นเสียดายแล้วกันที่ไม่ได้อยู่เรียกร้องสิทธิเพศที่สามในร่างรัฐธรรมนูญ)

    เพื่อน ๆ ของเราแต่ละคนก็จะต่างกัน ใส่รองเท้าก็ใส่คนละเบอร์ แล้วรองเท้าของพวกมันแต่ละคนก็จะพาเจ้าของไปในที่ของพวกมัน (พวกมันถึงกับใช้ศัพท์หรูหรา i will find a place i belong…) คิดถึงพวกแกนะ

  6. echaba Says:

    แอด..

    ฮื่อ..

    กริ๊ก.

  7. Chris Says:

    ความทรงจำมันเป็นเรื่องที่หอมหวานเนอะครับ

  8. ตุ๊กตา (^_^*) Says:

    .
    .
    ยิ่งเติบโต…
    เรารู้จักคนมากขึ้น
    แต่กลับมีเพื่อนน้อยลง…
    .
    .

  9. jaao-mcm3 Says:

    ยิ่งเติบโต…
    เรารู้จักคนมากขึ้น
    แต่กลับมีเพื่อนน้อยลง…

    ชอบประโยคนี้จัง…..

  10. หนังสือเก่าๆ Says:

    เพื่อนแท้เป็นยังไงหนอ

  11. nokhook Says:

    เพื่อนบางคนเกิดที่เชียงใหม่ แต่ไปทำงานที่ กทม กันหมด คนกทม ก็ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เราแค่ย้ายโต๊ะตอนเปลี่ยนห้อง

  12. zine Says:

    เวลา เปลี่ยน
    ความสัมพันธ์ เปลี่ยน

  13. นายหมูตุ้ย Says:

    วันหยุดยาว3วันที่ผ่านมานอกจากจะเป็นวันสำคัญของแม่กับลูกแล้ว
    เชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนผม
    คือรอเจอเพื่อนที่แยกย้ายกันไปตามแต่หน้าที่การงานของตัวเอง
    เพราะหยุดยาวอย่างนี้พวกมันมักจะกลับ”บ้าน”

    กับคนที่ได้กลับมาทำงานแบบประจำการอยู่ใน”ภูมิลำเนา”
    ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยนิดในหมู่เพื่อนพ้องที่มักจะทำงานอยู่ในเมืองหลวง
    การกลับมาในคราวแรกก็เกิดความรู้สึกแปลกไป ไม่คุ้นเคยกับทั้งสถานที่และผู้คน
    …ทั้งๆที่เป็น”ที่ที่เคยอยู่”
    เพราะการที่จากบ้านไปร่ำเรียนนานหลายปี กลับมาบ้างบางโอกาส
    ทำให้ไม่ค่อยได้รู้สึกแบบนี้เท่าไหร่
    ด้วยเหตุนี้ผมจึงมักรอคอยวันหยุดยาว(ทั้งที่ไม่ได้หยุดอะไรกับใครเขา เพราะเปิดกิจการของตัวเอง)

    ได้เจอกับเพื่อนๆแล้ว แม้จะเป็นแค่เวลาสั้นๆ
    เพราะยังไงแต่ละคนก็ต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวของแต่ละคนมากกว่าอยู่แล้ว
    แต่การได้พบปะ กินข้าว ถามไถ่สารทุกข์ สุกดิบกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง
    ก็เป็นการเติมเต็มขีดแสดงพลังกำลังใจของคนที่โหยหามิตรภาพเก่าๆอย่างผมแล้วล่ะ

    เพื่อนกลับกันไปหมดแล้ว
    แต่ความรู้สึกดีๆยังอยู่เต็มไปหมด…เจอกันใหม่วันหยุดครั้งหน้านะเพื่อน :]

  14. roundfinger Says:

    แหม คุณหมูตุ้ยเล่าได้บรรยากาศดีจังครับ
    เป็นบรรยากาศที่ดีซะด้วย อ่านแล้วก็คิดถึงเพื่อนๆ
    อยากให้พวกมันกลับมาบ้าง (และผมก็ต้องกลับไปเช่นกัน หุหุ)

    บันทึกสั้นๆ แต่มีคนรู้สึกคล้ายกันเยอะเหมือนกันแฮะ
    คิดถึงเพื่อนๆ : )

  15. Som_O Says:

    โลกนี้อยู่ยากขึ้นนะ

    คงต้องยอมรับแหละ

  16. ตัวเล็ก Says:

    คิดถึงเพื่อนจริงๆด้วย ยิ่งโต อะไรๆก็ยิ่งยากขึ้น
    แม้แต่เวลาจะเจอหน้ากันก็ยังน้อยลง
    ต่างคนก็ต้องเดินทางกันต่อไป
    แต่เมื่อได้กลับมาเจอกันสักครั้ง…ก็เป็นช่วงเวลาที่มีค่าจริงๆ

  17. ไอฝน Says:

    เค้าว่ากันว่า คนที่ชอบนึกถึงอดีต มักอายุมากเพราะมีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามา
    แต่ฝนว่า..มัน โรแมนติกดีจัง เหมือนภาพถ่ายสีเทา ที่ยิ่งเก่าก็ยิ่งมีค่า เนอะๆ

  18. snowflake Says:

    เพิ่งได้หนังสือรุ่นมาดู ดูแล้วอยากกลับอยู่ตอนมัธยมอีกครั้ง บรรยากาศแบบนั้นมันหาไม่ได้จิงๆตอนที่อยู่ที่มหาลัย แต่จะว่าไปการที่เราต้องจากกันก็ทำให้เรานึกถึงกันและอยากเจอกันมากขึ้นจิงมั้ยค่ะ ถ้าอยู่ด้วยกันคงคิดถึงกันไม่ได้มากขนาดนี้

  19. keejanan Says:

    สวัสดี ศาลาวุด เราหลงเข้ามาได้ไงไม่รู้ รู้ตัวก้มานั่งอ่านแล้วอ่ะ : ) ดีใจเป่า

    เพื่อนเยอะขนาดนี้ ยังไงก้ไม่หงงาววววว เราอ่านเนปาล กะฮ่องกง จบแล้วนะ เอาไว้คุยกันว่ารู้สึกไง อิอิ ดีใจที่ได้อ่านนะเนี่ย

    ไปละ แวะมาทัก
    สวัสดีค่ะ

  20. เจน Says:

    คิดถึงแกหว่ะ……ถึงเพื่อนทุกคน

  21. undercurrent Says:

    ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างมีฝัน ต่างคนต่างมีเส้นทางเดินเพื่อไปให้ถึงฝันของตัวเอง

    คิดถึงเพื่อนๆ ป.ตรี ป.โท เพื่อนที่ทำงานเก่าด้วย คิดถึงเพื่อนเก่าๆทุกคนเลย 🙂

  22. khun_aut Says:

    การแยกจากกัน บางทีก็เป็นเรื่องจำเป็นนะคับ นึกถึงตอนที่เรา(จำใจ)ต้องออกจากบ้าน ไกลจากอกแม่ … ออกไปเพื่อสร้างครอบครัวของตัวเอง แม้ว่าไม่อยาก และ ไม่ได้หมายว่า ไม่รักแม่

    แต่ การแยกจากกัน บางทีก็เป็นเรื่องจำเป็น

    : )

  23. jummdcu Says:

    อ่านแล้ว…บอกได้ว่า

    “คิดถึงเพื่อนจัง”

  24. roundfinger Says:

    หัวข้อนี้มีเพื่อนเข้ามาคุยเยอะดีแฮะ
    สวัสดีปุ๊ยด้วย : )

  25. kangalala Says:

    จริงๆ นะ
    ความห่างไกล ทำให้เราต้องออกแรงมากขึ้น
    เพื่อจะยึดเหนี่ยวอะไรหลายๆ อย่าง
    แต่มันก็ทำให้รู้นะว่า ความสัมพันธ์ที่แท้จริงเป็นยังไง
    และคุณค่าของมันอยู่ตรงไหน

    แต่คงไม่ใช่เทคโนโลยีหรอก
    ความทะเยอทะยาน และจิตวิญญาณที่โบยบินไปไกลกว่าบรรพบุรุษต่างหาก
    ที่แยกเราจากเพื่อนคนเดิม และตัวเราคนเดิมด้วย

  26. nine9 Says:

    ซาบซึ้ง

    น้ำตาซึม

    ซาบซ่าห์

    โอ๊ย…

    คิดถึงเพื่อน

  27. iiws Says:

    :: โอ๊ยๆๆๆ ซึ้งๆๆๆๆ ครับ
    ::
    :: คิดถึงเพื่อนจัง
    ::
    ::อยากกลบไปเฮฮากับเพื่อนๆ ตอนมัธยมอีก
    ::
    :: พอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เหมือนความมันส์ในความสนุกมันลดลงไงก็ไม่รู้

  28. ทราย Says:

    คิดถึงเพื่อนมหาวิทยาลัย
    คิดถึงเพื่อนมัธยม
    คิดถึงเพื่อนประถม
    คิดถึงเพื่อนอนุบาล

    ป.ล.พี่เอ๋เหมือนคนแก่นั่งนึกถึงอดีต
    ป๊าดดด


  29. วันนี้ไปทำงานวันแรก
    คิดถึงเพื่อนที่บริษัทเก่ามาก ๆ จนใจหวิวไปหมด
    โทรหาน้องที่เคยนั่งทำงานข้างกัน บอกมันว่าพี่คิดถึงเอ็งมากนะ

    ตอนที่อยู่ด้วยกัน เวลามันพูดมากก็ดันไปรำคาญมัน
    แต่ตอนนี้ได้รู้ว่า ปริมณฑลของความผูกพันนี่มันดีจริงๆ
    การได้เจอคนที่มีอะไรคล้าย ๆกัน ได้ผูกพันกันเป็นเรื่องดีจริงๆ

  30. Fai^^ Says:

    นึกถึงเพื่อนคนหนึ่งขึ้นมา ตั้งแต่เรียนจบแทบไม่ได้เจอ
    แต่ทุกครั้งที่กลับไปหา………
    ไม่เคยรู้สึกเลยว่าระยะทางหรือเวลาทำให้ความสัมพันธ์เราลดลง

    ปล. รักแกว่ะ ^^!

  31. เนตร Says:

    คิดเถิงเพื่อนสมัยเรียนมัธยมจัง!!!!!!!!
    อยากกับไป รร
    เคยคิดด้วยว่า รร เรา น่าจามีเปนมหาลัยด้วยเลย
    จะได้ม่ะต้องแยกการเรียนคนละที่”แบบนี้”
    คงแปลกดีถ้าจามี มหาลัยชื่อ มหาลัยสตรีวัดระฆังเนอะ ฮ่าๆๆ

  32. fux Says:

    กินของขม นั่งชมสาว เล่าความหลัง ฟังเพลงป๊อด{โมเดิร์นด๊อก}

  33. เอ Says:

    หัวข้อนี้ที่มีข้อความฝากไว้มากคงเพราะมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์แบบนี้
    บ้างถึงบ่อยๆ อย่างเอเนี่ยเพราะรู้สึกแบบที่พี่เอ๋ว่าบ่อยๆ แล้วก็ชอบนั่งดูรูป
    เก่าๆ พูดเรื่องสมัยเรียนบ่อยๆจนเพื่อนเรียก “ป้า” ไปเลย ความจริงมันก็รู้สึกดี
    นะคะการโหยหาอดีตในบางเวลา เพียงแต่ต้องบอกตัวเองว่าอย่ายึดติดมากนัก
    ต้องมองไปข้างหน้าด้วย เพื่อนเก่าต้องเก็บไว้แต่ก็ต้องเปิดโอกาสทำความรู้จัก
    เพื่อนใหม่ๆที่จะเข้ามาด้วย นี่ยังดีนะคะที่เพื่อนสนิทยังไม่มีใครแต่งงาน
    ถ้าแต่งงานกันไปแล้วคงจะได้ห่างหายไปจากชีวิตของกันและกันมากขึ้นไปอีกมาก
    โขเลยล่ะค่ะ

    อืม…ยังไงซะความเป็นเพื่อน(ที่ดี) คงไม่ได้วัดกันด้วยความถี่ของการเจอกัน
    แต่น่าจะวัดกันที่คุณภาพและความสุขที่มีเวลาได้พบหน้ากันมากกว่า เคยมั๊ยคะที่กับบางคนเจอกันบ่อยแค่ไหนก็ยังรู้สึกว่ามันมีช่องว่างอยู่ แต่กับเพื่อนบางคนไม่ได้ติดต่อกันเลยเป็นปีๆ มาเจอกันอีกทีกลับคุยกันได้ลื่นเหมือนเพิ่งพบกันไปไม่นาน
    ยังคงทำอะไรบ้าๆด้วยกันได้เหมือนก่อนอย่างไม่ขัดเขิน และกับเพื่อนแบบนี้ล่ะค่ะที่เอจะเรียกได้เต็มปากว่า “เพื่อนแท้”

  34. undercurrent Says:

    “ยังไงซะความเป็นเพื่อน(ที่ดี) คงไม่ได้วัดกันด้วยความถี่ของการเจอกัน
    แต่น่าจะวัดกันที่คุณภาพและความสุขที่มีเวลาได้พบหน้ากันมากกว่า ”

    ชอบประโยคนี้ของคุณ เอ จังค่ะ พูดได้ตรงใจมากๆ ชอบ ชอบ

    โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ใช่คนที่จะโทรคุยกะเพื่อนบ่อยนัก และเนื่องด้วยแต่ละคนก็งานเยอะกันทั้งนั้น นานๆถึงจะได้เจอกันที แต่พอเจอกันก็ยังต่อกันติด ยังคุยกัน แกล้งกันได้โดยไม่เคอะเขิน

    ว่าแล้วก็นึกถึงพวกมันขึ้นมา ….นัดเพื่อนเก่ากินข้าวดีกว่า อิอิ

  35. odigimon Says:

    ผมก้อเพิ่งเขียนเรื่องราวคล้ายๆ แบบนี้ในบล็อคเหมือนกันนะ แต่แค่คนละมุมมอง แค่นั้นเอง

    …..

    สังเกตได้ว่าช่วงนี้คนส่วนใหญ่จะอยู่ในห้วงอารมณ์ใกล้ๆ กันแบบนี้เยอะมาก
    จะเพราะความเหงา ที่เคลือบแฝงคนเราตลอดเวลา หรือ เพราะความสับสนของสังคม

    ไม่รู้คนอื่นอ่านแล้วรู้สึกไง แต่ด้วยห้วงอารมณ์และเรื่องราวที่ผมกำลังจะตัดสินใจทำในไม่ช้านี้ ทำให้ผมนึกถึง รถไฟขบวนนั้นอีกแว้ว

    ….

    เพราะตอนนี้มีรถไฟผ่านหน้ามาอีกขบวนแล้วครับ

  36. สิ Says:

    อ่านแล้วนึกถึงตอนทีไปเขาใหญ่กับเพื่อนม.ต้นเลย

    ตอนเดินขึ้นเขาใหญ่10กิโล ทำให้เรารู้เลยว่า มิตรภาพมันคืออะไร

  37. Caramel Says:

    ใช่!เรารู้จักคนมากขึ้น แต่รู้จักเพื่อนแต่ละคนน้อยลง เพราะแต่ละคนพอสนิทกันแล้ว หลายคนก็แยกกันไปมีวิถีชีวิตของตัวเอง อาจจะมีคนสำคัญเข้ามาในชีวิต จนบางทีคนที่เคยรู้จักอาจจะสำคัญน้อยลงไป ว่าแล้วก็ คิดถึงเพื่อน ๆ นะเนี่ย

    แต่พูดถึงเพื่อน ๆ สมัยเรียนมหาลัยก็ไม่รู้ว่าอยากจะด่าหรือเข้าใจพวกมันดี ถึงจะเรียนจบแยกย้ายกันไป แต่เพื่อนทุกคนก็ไม่ได้จากไปไหนไกลไม่มีใครออกนอกชายแดนกรุงเทพ และนอกประเทศ แต่ที่พวกมันนอกใจเราเพราะทุกคนดันมีแฟนหมดแล้วอ่ะดิ แล้วทุกคนดันติดแฟนซะจนค่อยไม่สนใจกันเท่าไหร่เหมือนต่างคนต่างไป แถมแต่ละคนยังอีกบอกว่าได้คุยกับเราบ่อยสุด ทั้ง ๆ ที่นาน ๆคุยกันที แล้วยังดันบอกกันอีกว่าไม่ได้คุยกับคนอื่นในกลุ่มเลยที่นอกจากเรา อะไรกันเนี่ย!!! เวลาพวกมันโทรมาเราเรียนอยู่ไม่ว่างรับ แต่เราโทรกลับมันไม่ว่างเพราะคุยกับแฟน โชคดีที่มีเพื่อนหลายกลุ่มเลยไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ แต่บางทีก็นึกใจน้อยใจพวกมันเหมือนกัน (.T_T.)

    ป.ล.คุณนิ้วทำหน้าที่สมกับที่ได้รับตำแหน่งแกนนำ ส.ว.(สูงวัย)ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะชอบชวนเจาะเวลาหาอดีตนึกถึงเรื่องเก่า ๆอยู่เสมอ (.^_^.)

    ป.ล.ที่ 2 ขอโทษด้วยที่แซวมุกนี้บ่อย แต่เห็นว่าพักนี้คุณนิ้วชอบชวนนั่งไทม์แมชชีนความทรงจำย้อยอดีตบ่อย แต่ก็ชอบนะสงสัยแก่เหมือนกันเพราะชอบนึกเรื่องเก่าๆ 555

  38. jummdcu Says:

    เอ๋…

    เข้าบ้านฯ+สวนฯ ได้รึยัง
    หายไปไหนซะแล้ว
    เพื่อนๆรออยู่เน้อ

    อ้อ..คาราเมล

    เราอยู่ก๊วน ส.ว. เหมือนกันเลยจ้ะ
    ก๊วนที่จำนวนสมาชิกอาจไม่มาก
    แต่คุณภาพคับแก้ว อิอิ

  39. roundfinger Says:

    เข้าได้แล้วคร้าบ!
    : )

  40. nordy Says:

    เพื่อนไปเมกาเกือบปีแล้ว (แต่เรายังดักดานอยู่เนี่ย)
    ไม่มีอะไรนอกจากคิดถึงมัน
    เคยไปหอมัน…เคยไปนั่งกินเตี๋ยวที่บางลำพู
    เคยนั่งเล่นอยู่ที่สวนสันติฯ
    เคยไปเชียงใหม่ด้วยกัน
    เคยทะเลาะกัน
    เคยรักกันและยังรักมันอยู่
    เคยไม่ชอบมันด้วย แต่สุดท้ายก็รักมัน
    คิดถึงมันมากกกกก………
    มันจะอยูต่ออีกปี
    เฮ้อ ก็ขอให้มันโชคดี

    คิดถึงแกนะอ้อม

  41. oattoto ^^ Says:

    ^^ มาช่วยเคาะเคาท์เตอร์ค่ะ….อิอิ

    แอบอ่านมานานแล้ว แต่แว๊บๆมาๆไปๆ…

    เรื่องราววันนี้ชอบจัง อ่านแล้วสบายๆคิดตามไปด้วยพยักหน้าหงึกๆ..
    คำทักทายของเพื่อนๆก็อ่านเพลินดีค่ะ


ส่งความเห็นที่ ปอนด์ ยกเลิกการตอบ