เพื่อนหญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า วันนี้ไปร้านหนังสือมา
หนังสือใหม่เยอะมาก (ฟังแล้วก็น้ำลายไหลตามไปด้วย)
“แต่ฉันไม่ได้ซื้อหรอกนะ ไม่อยากฉลาดแล้ว อยากสวยมากกว่า
ก็เลยเอาตังค์ไปซื้อแว่นกันแดดอันใหม่ เพิ่มความสวยดีกว่า”
…
เคยมีเพื่อนผู้หญิงบางคนพูดกับผมแบบนี้เหมือนกัน
จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่คนสองคนเสียด้วย
…
ผมมักประทับใจเวลาได้พูดคุยกับคนฉลาด
และแน่นอนว่าเมื่อเป็นเพศตรงข้ามก็ย่อมประทับใจมากขึ้น
ความฉลาดก็เป็นความสวยแบบหนึ่ง เปล่งประกายได้เหมือนกัน
…
แต่เท่าที่ได้รู้จักผู้หญิงฉลาด หลายคนผิดหวังกับความรัก
หากลองทำการวิจัย ผมว่าผู้หญิงฉลาดอาจผิดหวังมากกว่าผู้ชายฉลาด
…
บางครั้ง ผู้หญิงฉลาดและพัฒนาตัวเองมากขึ้นจนแฟนหนุ่มตามไม่ทัน
ก็เป็นอันต้องเลิกรากันไป อาจเพราะเพศชายยอมเป็นเท้าหลังของช้างไม่ได้
…
สารคดีของบีบีซีที่เพิ่งได้ดู พยายามจับคู่ “นัดบอด” ให้หญิง-ชาย
มีนักธุรกิจสาวคนเก่ง วัยสามสิบกว่า หน้าตาค่อนข้างดีคนหนึ่ง
มีปัญหากับการหาคู่ เมื่อลองมา “จับคู่” ในโครงการนี้
ผลปรากฏว่า แรกเริ่มในนาทีแรกๆ ฝ่ายชายจะกดคะแนนค่อนข้างสูงให้เธอ
แต่พอเวลาผ่านไปเพียงห้านาที เมื่อบทสนทนาเริ่มต้น เธอมักจะ
เป็นฝ่ายควบคุมหัวข้อในการพูดคุย และเป็นฝ่ายรุก กระทั่งคะแนนลดฮวบ
ชายหนุ่มหลายคนบอกว่า เธอทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองโง่
…
หลายคำพูดของปราชญ์ที่คนทั่วไปยอมรับว่าฉลาด
มักจะบอกว่า พวกเขาไม่รู้อะไรเลย
คนฉลาดที่แท้คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่ฉลาด
และคนที่แยบยลซ่อนกลกว่านั้นคือคนที่พยายามทำเป็นไม่ฉลาด
แต่ที่จริงในใจก็คิดเอาไว้ว่า-กูฉลาดนะโว้ย
คนแบบแรกน่ารัก แบบหลังน่ากลัว
…
คนสวยไม่จำเป็นต้องโง่ และคนฉลาดก็ไม่จำเป็นต้องขี้เหร่
แต่หลายครั้งที่ความฉลาดทำให้บางคนเจ็บตัว
มีบ้างที่เธออยากจะขว้างมันทิ้งไป อยากเป็นเด็กน่ารักหัวอ่อน
จิ๊จ๊ะ ดี๊ด๊า ไปตามประสาที่หนุ่มๆ ชอบ
แต่ทำไม่ได้หรอก เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอเป็น
…
บางครั้งคนฉลาดดูเป็นผู้นำ เข้มแข็ง และดูแลตัวเองได้
แต่เอาเข้าจริงก็อ่อนแอ ขี้แพ้ และโหยหาใครสักคนเหมือนกัน
ยิ่งเจ็บกว่านั้นเวลาที่ต้องซ่อนเอาไว้ใต้หน้ากากของหญิงแกร่ง
…
บางครั้งผมก็รู้สึกกับผู้หญิงฉลาดเหมือนผู้หญิงที่มีร่างกายสูงมากๆ
คือจะโดดเด่น แต่หาแฟนยาก เพราะผู้ชายที่ “สูง” กว่าเธอมีไม่มากนัก
ดูเผินๆ เหมือนธรรมชาติจะยุติธรรม ที่แบ่งปันผู้ชายไปดูแล
หญิงสาวที่ไม่เข้มแข็ง แข็งแกร่ง และเป็นผู้นำได้เท่าพวกเธอ
แต่เอาเข้าจริงแล้วมันไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่
เพราะพวกเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรกับหญิงสาวน่ารัก หน่อมแน้มเหล่านั้นเลย
“ไม่ได้อยากฉลาดเลยนะ” หลายคนพูด
คงคล้ายกับหญิงสาวที่ไม่ได้อยากเกิดมาสูง
“ผิดด้วยหรือที่เราเก่ง” หลายคนตั้งคำถาม
แต่ไม่ใช่เพื่อนของผมที่ตัดสินใจซื้อแว่นกันแดดแทนหนังสือ
รายนี้แค่กำลังตัดสินใจระหว่าง “สมอง” กับ “ความรู้สึก”
“ความรู้” เป็นเรื่องของเหตุผลล้วนๆ เป็นเรื่องของ “สมอง”
“ความงาม” เป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเรื่องของ “หัวใจ”
เป็นไปได้ไหมว่า “ความรู้” หรือ “เหตุผล” นั้น
เป็นสิ่งที่ผู้ชายถูกสังคมรอบกายหล่อหลอมให้มีมันมาโดยตลอด
และก็สะสมมันเอาไว้เต็มเปี่ยม แถมยังเบื่อหน่ายกับมันด้วยซ้ำในบางหน
เมื่อมีอยู่ในตัวจนมากเกินพอแล้ว จึงไม่ต้องการอีก
ไม่ต้องการ “สมอง” มาเพิ่มเติมแล้ว กดดันมากพอแล้ว
แต่ต้องการ “ความรู้สึก” หรือ “หัวใจ” ที่จะมาอยู่ข้างๆ มากกว่า
นั่นเป็นการคาดเดามุมมองของผู้ชาย แบบล่อเป้าขบวนการสตรีนิยมอย่างยิ่ง
ถ้าสมมุติฐานนี้เป็นจริง ผู้ชายก็น่าจะต้องการ “หัวใจ” ไม่ใช่ “สมอง”
เมื่อมี “หยาง” แล้ว จึงต้องการ “หยิน” มาทำให้เกิดสมดุล
แต่เอาเข้าจริง ลึกๆ แล้วไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ล้วนต้องการ “หัวใจ”
และสุดท้ายคนเราก็จะเป็นจะตายกับความรู้สึก ไม่ใช่ความรู้
ผมพอเข้าใจเพื่อนของผมได้ว่า ทำไมวันนี้เธอจึงไม่ซื้อหนังสือเลยสักเล่ม
เพราะไม่มีความรู้ชนิดไหนที่จะเยียวยาหัวใจของมนุษย์ได้
“หัวใจ” ต้องใช้ “หัวใจ” เยียวยาเท่านั้น