เมื่อวานนี้ “เนี่ย ลั่ง” เรียกผมไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา
“เอ๋ มานี่สิ มีอะไรจะให้ดู” เขาบอกกับผมว่า “special”
ผมเห็นใบหน้ากรุ้มกริ่มของเขาก็พอจะเดาได้ว่า
มันต้องเป็นเรื่อง “มิดีมิร้าย” แน่ๆ
แล้วก็เดาไม่ผิด สิ่งที่เขาชี้ชวนให้ผมชมมันคือ “ฉากเซ็กซ์” จริงๆ เสียด้วย
แถมยังเป็น “ฉากเซ็กซ์” ที่โจ๋งครึ่มเอามากๆ
เรียกได้ว่า “ทำ” กันกลางแจ้ง หน้าซูเปอร์มาร์เก็ต
ไม่อายหน้าอินทร์หน้าพรหมกันเลย
แต่ “ฉาก” ที่ว่า ผมกลับไม่รู้สึกว่าลามก สกปรก ซกมก
แถมยังรู้สึกว่ามันช่างน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน
เพราะมันเป็นการบรรเลงเพลงรักระหว่างตั๊กแตนสองตัว
ตัวหนึ่งสีน้ำตาล อีกตัวสีเขียว ดูปราดเปรียวและมีความสุข
ผมไม่ได้รู้สึกแค่ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตร่วมโลกคู่รักคู่นี้น่ารัก
แต่ผมยังรู้สึกไปด้วยว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดู
คิดดูสิ ใครจะมีเวลาและดวงตาที่ใส่ใจพอที่จะไปมองเห็น
“ฉากรัก” ของตั๊กแตนหนุ่ม-สาวที่กำลังกอดก่ายกันได้แบบนี้
อาจจะมี แต่จะมีกี่คนที่สนใจ และให้เวลาจับจ้องมองมัน
และน้อยกว่านั้น ที่จะมีสักคนที่ใส่ใจถึงขนาดเก็บภาพมาฝากเพื่อน
ผมจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่า “เนี่ย ลั่ง” ช่างน่ารัก
โชคดีที่เป็นชาย ถ้าเป็นหญิงสาวนี่อาจเคลิ้มไปแล้วก็ได้
หากใครติดตามอ่านบันทึกในบ้านหลังนี้มาโดยตลอด
ก็คงรู้จัก “เนี่ย ลั่ง” ในระดับหนึ่ง
ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับผม ดำรงตำแหน่งอาร์ต ไดเร็กเตอร์
มี “จวงจื่อ” ผู้สมถะเป็นฮีโร่ประจำใจ มาจากมณฑลฉงชิง
ชอบความเนิบช้า และไม่ค่อยอยากทะเยอทยาน
วันนี้ผมมีอีกสิ่งที่ควรจะแนะนำมาบอกกล่าว
“เนี่ย ลั่ง” เป็นมนุษย์ที่ชอบพกกล้องส่องโลก
กล้องที่เขาใช้ตัวใหญ่ไม่ใช่เล่น แต่ผมชอบ “สี” จากกล้องของเขา
มันธรรมชาติดี ติดก็แต่ว่ามันใหญ่ พกไปไหนไม่ค่อยสะดวก
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา บางวันที่พวกเราเดินออกไปกินข้าวกลางวัน
หากมีอารมณ์ เขาก็มักจะสะพายมันขึ้นไหล่ กดชัตเตอร์เก็บ “ข้างทาง” ไปเรื่อย
“my eyes” เขาเรียกกล้องเทอะทะของเขาว่าอย่างนั้น
ผมออกจะชอบภาพถ่ายฝีมือเขา มันไม่ได้แปลกประหลาดพิสดาร
แต่มันก็สวยในแบบที่โลกเป็น มุมมองปกติ แต่ “จับ” อารมณ์ในชั่วขณะนั้นได้
เด็กทำไอศกรีมหล่นแล้วร้องไห้ ไข่แตก คนแก่คุยกัน หนุ่มสาวกอดกันอุ่นๆ
เนี่ย ลั่ง เก็บสถานการณ์เล็กๆ ต่างๆ เหล่านี้ใส่กล้องของเขาเสมอๆ
รวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆ ของโลกที่คนทั่วไปมักมองข้าม
โถปัสสาวะรูปร่างแปลกๆ พื้นดินแยกเป็นรูปรอยยิ้ม ปลั๊กไฟที่มองไปเหมือนหน้าบึ้ง
ฯลฯ, ฯลฯ, ฯลฯ
เขาถ่ายรูปมากมายจริงๆ นั่นหมายความว่า เขา “มอง” โลกมากเช่นกัน
วันนั้น พวกเรานั่งทำงานกันอยู่ดีๆ พอ เนี่ย ลั่ง มองเห็นว่าวันนี้เมฆสวย
ก็ชวนนิกกี้, ซูซี่ วิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้นเก้าของตึกบริษัทเรา
ผมมองตามและรีบวิ่งตามขึ้นไป ฟ้าสวยจริงๆ ด้วย
เมฆในช่วงก่อนฤดูใบไม้ร่วงในช่วงห้าโมงเย็นเหนือมหานครเซี่ยงไฮ้
สวยเหลือเกิน ผมเองก็เก็บใส่กล้องมาหลายก้อนอยู่
เนี่ย ลั่ง บอกกับผมว่า “ช่วงนี้เมฆสวยทุกวัน”
เรานัดกันว่าพรุ่งนี้จะขึ้นมาถ่ายรูปอีก
เมื่อเก็บเมฆเสร็จ เราก็ลงมาเก็บงานที่คั่งค้างกันต่อ
ผมชอบพวกเขา แม้ว่าบางครั้งจะดูใส่ใจกับการงานน้อยไปบ้าง
แต่บางครั้งเขาก็สอนผมอ้อมๆ เช่นกันว่า
นอกหน้าต่างนั้นยังมีความงามให้พักผ่อนและมองมันบ้าง
หากมัวแต่ทำงาน ก้มหน้าก้มตาอยู่แต่สิ่งที่ต้องรับผิดชอบ
แล้วปล่อยให้เมฆก้อนสวยลอยผ่านไป วันนี้ก็พลาดความงามไปหนึ่งอย่างแล้ว
ทำงานหนักแต่ก็พักมองเมฆได้ ผมได้มองเมฆก็เพราะพวกน้องๆ แท้ๆ
ผมบอกให้ เนี่ย ลั่ง ส่งรูปชุดนี้ให้กับผม รูปตั๊กแตนคู่ชู้ชื่น
เขาใส่ลงไปในแฟ้มของผม แล้วบอกกับผมว่า “ไฟล์ชื่อ Happy Time”
ว่าแล้วก็หัวเราะ ผมยิ้มให้เขา แล้วก็เปิดมันออกมาดู
ผมถามว่า “Happy Time ที่ว่าเนี่ย มันนานไหม”
เขาบอกว่า นานมาก เขาถ่ายเก็บไว้ แล้วเดินเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต
ออกมาดูมันอีกครั้ง มันก็ยังเริงรักกันอยู่เลย
แหม ช่างน่าอิจฉา
ภาษาอังกฤษของ เนี่ย ลั่ง ไม่แข็งแรงนัก แต่คราวนี้ผมว่า
เขาตั้งชื่อไฟล์ได้น่ารักดี และผมว่ามันก็ไม่ใช่ “ช่วงเวลาแห่งความสุข”
เฉพาะของเจ้าตั๊กแตนสองตัวนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นความสุขของผู้ถ้ำมอง
อย่างเขาด้วย
จริงๆ แล้วเรื่องเล็กๆ สวยๆ ขำๆ แบบนี้เกิดขึ้นทุกวันรอบๆ ตัว
แต่เรามัวแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับสิ่งเดิมๆ ในโลกใบแคบๆ ของเรา
บางครั้งก็รีบเดินไปข้างหน้า จนไม่มีเวลามองโลกเล็กๆ
ด้วยดวงตา “มาโคร” ทำให้ละเลยความอัศจรรย์เหล่านี้ไป
บางที วันไหนมีเวลา ผมคิดว่าจะลองมองโลกด้วยตามาโครดูบ้าง
คิดว่าน่าจะเจอความอัศจรรย์หลายอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ในความธรรมดา
“ตามความเป็นจริงแล้ว เราอยู่ท่ามกลางความไพศาลและความอัศจรรย์นานา
หมู่ดาวถึงสามแสนล้านดวง ต้นไม้มุมสวน หมู่นกที่โผบิน แมลงปอปีกใส
เห็นตาช่ายเส้นเลือด คือความอัศจรรย์ของชีวิตที่บอบบาง
การอยู่อย่างไม่สัมผัสสัมพันธ์กับความอัศจรรย์เหล่านี้คือการมีชีวิตอยู่กับ
ความจริงที่น่าอับเฉา”
จอห์น เลน เขาว่าไว้อย่างนั้น
และผมก็ว่ามันก็จริงอย่างที่พี่เขาว่า
จะน่าเสียดายแค่ไหน หากเราต้องจากโลกไปโดยที่ไม่ได้เห็น
ความงามและความอัศจรรย์เหล่านี้เลย
ความงามและความอัศจรรย์เกิดขึ้นรอบตัวทุกวัน
มันเปิดการแสดงให้มนุษย์ชมไม่รู้วันละกี่รอบต่อกี่รอบ
แต่ถ้าเราไม่มีเวลาตีตั๋วเข้าชม ก็คงไม่มีวันได้ยิ้มไปกับมัน
และคงไม่มี “Happy Time”
ความสุขมีเวลาให้เราเสมอ แล้วเราล่ะ มีเวลาให้ความสุขหรือเปล่า?