เรามีฝัน
คนที่เรารักก็มีฝัน
และ-เราก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นหนึ่งในฝันของคนที่เรารัก
คนที่เรารัก และคนที่รักเรา มักมีความรักและคาดหวังในตัวเราเป็นปกติ
คาดหวังให้เป็นอย่างนี้อย่างนั้น คาดหวังให้ได้ดิบได้ดี
ได้ดิบได้ดีในแบบที่พวกเขาคิดฝัน ซึ่งอาจเป็นคนละสิ่งกับที่เราฝัน
คราวนี้จะทำยังไง?
ในเมื่อเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก
ตัวเราผูกอยู่กับหลายคน ในหลายสถานะ
เมื่อเราขยับตัว ย่อมส่งผลกระทบต่อคนเหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ
กระทบแรงบ้าง เบาบ้าง แต่ย่อมส่งผลกระทบ
กระทบดีบ้าง กระทบแย่บ้าง แต่ย่อมส่งผลกระทบ
สายสัมพันธ์คล้ายเส้นด้ายที่ผูกโยงเราไว้ด้วยกัน
เมื่อมีรักก็มักมีสายสัมพันธ์เกิดขึ้นตามมา
สายใยที่มองไม่เห็น จึงตัดไม่ได้
อย่าว่าแต่ตัดขาด แค่คิดจะตัดก็ไม่รู้จะจับต้นชนปลายตรงไหน
ในเมื่อเราเป็นฝันของพวกเขา เราจะทำอย่างไร?
อยากให้ฝันของเขาเป็นจริง ก็อยาก
อยากให้ฝันของเราเป็นจริง ก็อยาก
หากมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ย่อมนำมาซึ่งทางสองแพร่ง
ขณะยืนอยู่ ณ แยกนั้น เราจะตัดสินใจเดินไปสู่ทางใด?
ทางแรก-ไปในทางที่คนที่เรารักวาดฝัน
ทางสอง-ไปในทางที่เราวาดฝัน
ทางแรก เดินไปให้สุดทาง ก้าวทุกย่างด้วยความตั้งใจ
ทำทุกก้าวให้ดีที่สุด เพื่อให้คนที่เรารักและรักเราเค้าได้ปลื้ม
แววตาในยามที่เค้ามองเราอย่างปลาบปลื้มนั้นน่ายินดี
เหมือนเราได้เห็นแววตาของคนที่ได้เห็นความฝันที่เป็นจริง
(โดยไม่ต้องออกรายการของคุณไตรภพ)
แต่ในยามที่ส่องกระจก เราอาจพบแววตาแห่งความเสียดาย
และคับข้องใจว่าถ้าเราเลือกเดินไปอีกทางจะเป็นเช่นไร?
คนเรามีความสุขได้หลายวิธี
สุขจากการที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ก็เป็นความสุขแบบหนึ่งใช่ไหม?
หรือจะเลือกทางที่สอง?
เดินไปตามความชอบและความฝันของตัวเอง
อาจมีบ้างที่คนที่เรารักไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน
แต่ก็ยืนยันที่จะเดินดุ่มไป ในทางที่พวกเขาบอกว่าอันตราย
ยิ่งเลือกทางนี้ยิ่งเหนื่อย ยิ่งต้องฝ่าฟัน
เพราะนอกจากฝ่า+ฟันกับอุปสรรคที่เรียงรายอยู่ตลอดเส้นทางแล้ว
ยังต้องฝ่าฟันกับขวากหนามของคำเตือน คำสบประมาท คำดุว่า
และความห่วงใยจากคนที่เรารักทั้งหลายด้วย
รัก คือ อิสระ
ใครหลายคนพูดไว้
หากความรักคืออิสระ
การปล่อยให้คนที่เรารักได้ทำในสิ่งที่เขาคิดฝันและอยากลงมือ
ย่อมคือความรักประเภทหนึ่ง
ห่วงใยได้ แต่มิใช่กักขัง
ยิ่งวันยิ่งเชื่อว่า คนเราต้องเรียนรู้ดีร้ายด้วยตนเอง
ไม่มีใครสรุปบทเรียนชีวิตให้ใครได้
เพราะเราต่างมีศักยภาพที่แตกต่างกัน
เธอทำไม่สำเร็จ ฉันอาจทำสำเร็จก็ได้
เธอทำสำเร็จ ฉันอาจทำไม่สำเร็จก็ได้
ประสบการณ์ของเธอจึงไม่ควรถูกหยิบขึ้นมาตัดสินชีวิตฉัน
วิชาชีพนั้นดี วิชาชีพนี้ไม่ดี คำเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งจริงแท้เสมอไป
ขึ้นอยู่กับว่า ‘ใคร’ ไปทำ ‘อะไร’ มากกว่า
คนเราถนัดไม่เหมือนกัน มีความสามารถไม่เหมือนกัน รักอาชีพไม่เหมือนกัน
และมีพลังกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เท่ากัน
คนหนึ่งอาจยอมทำงานอย่างหนึ่งถึงดึกดื่น
ขณะที่ทำงานอีกอย่างหนึ่งถึงห้าโมงเย็นก็เหนื่อยหน่าย
เรามักทุ่มเทพลังให้กับสิ่งที่เรารักเสมอ
แล้วคนที่เรารักล่ะ?
หากใครสักคนเลือกทางที่สอง-ก้าวไปตามทางที่ฝัน
และลงมือทุ่มพลังกายพลังใจทั้งหมดที่มีใส่เป้แล้วออกเดิน
ใช้เหลี่ยมคมแห่งความรักในทางเส้นนั้นฝ่าและฟันหนามแหลม
ระหว่างทาง กรุยทางที่เคยเดินยากให้ราบเรียบลงได้
ใครคนนั้นอาจได้พิสูจน์อะไรบางอย่าง
พิสูจน์กับตัวเอง
และพิสูจน์กับคนที่เขารัก
พิสูจน์ว่าทางเส้นนั้นสวยงามไม่แพ้ทางเส้นที่ไม่ได้เลือก
ทางสองเส้นต่างสวยงาม
อยู่ที่ใครชอบแบบไหน
แต่ในเมื่อเราจำเป็นต้องเดินบนเส้นทางนั้นอย่างโดดเดี่ยว
โดยมีคนที่เรารักทำได้แค่เพียงคอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
เราก็น่าจะเลือกทางที่เราเห็นว่าสวย มิใช่ทางที่เขาเห็นว่าสวย
ใช่หรือไม่?
แต่หากใครมิได้เลือกทางที่ว่า
อย่าได้เสียใจไป
ใครคนนั้นอาจไม่ได้หลงใหลทางที่ไม่ได้เลือกมากเพียงพอ
เพียงพอที่จะเสี่ยง เพียงพอที่จะยืนยันในความฝัน เพียงพอที่จะก้าวไป
และเขาหรือเธออาจคิดและตอบกับตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้ว่า
“ฉันรักคนที่ฉันรักมากกว่าความฝัน”
“ฉันอยากเห็นฝันของพวกเขาเป็นจริงมากกว่าฝันของฉันเอง”
ซึ่งนั่นย่อมเป็นคำตอบที่สวยงามสำหรับเขาหรือเธอ
แน่นอน-ใครสามารถเดินบนสองทางได้ย่อมน่าอิจฉายิ่ง
เราต่างมีฝัน
คนที่เรารักก็มีฝัน
เราต่างรักกัน
และความรัก คือ อิสระ.