ไม่รู้เหมือนกันว่าอารมณ์ไหน
เหมือนโลกไม่ได้เป็นเหมือนเดิม
กลับมา-หลายอย่างเพิ่มเติม
หลายอย่างก็ขาดหายไป
เหมือนกินยาลืมเขย่าขวด
เหมือนปวดเข่าแล้วลืมทายาหม่อง
เหมือนฟ้าหม่นคนก็เลยหมอง
เหมือนหันมองข้าวมันไก่แล้วไร้หนังให้ตักกิน
อารมณ์ไหนกันหนออารมณ์ไหน
ฟ้าฝนเป็นใจให้คนเหงา
ฟ้าสีเทาๆ ฟ้าสีเทาๆ
รู้น่า-เดี๋ยวฟ้าสว่างก็ผ่านมา
สายตาดูเหมือนจะอ่อนล้า
ผีเสื้อไม่มีบินมาให้เห็น
นกกาออกหากินอย่างเคยเป็น
ยุงยังกัดเป็นปุ่มปูดโปนเหมือนทุกวัน
หลายคนที่ได้คุยด้วยช่วงนี้
เหงาๆ หงอยๆ ง่อยๆ เดี้ยงๆ
อกหัก รักคุด เล็บกุด ไล่เรียง
ปัญหาใกล้เคียงด้วยกันหลายราย
แฟนหนีไปเรียนเมืองนอก
บ้างบอกลากันวันสุดท้าย
โบกมือ-ฉันไปก่อนนะ-บ๊ายบาย
ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอกัน
บ้างก็ต้องบอกเลิกลา
เห็นว่าอนาคตไม่มั่น
ล่ำลาวันนี้เลยแล้วกัน
เผื่อเราไม่เจอกันอีกเลย
บ้างก็เพิ่งเลิกกันเมื่อวาน
น้ำตายังไหลติ๋งๆ
ไม่มีเธอจะเอาไหล่ใครอิง
น้ำที่ไหลติ๋งใครเล่าจะซับ
บ้างก็สิ้นไร้เรี่ยวแรง
เหือดแห้ง หิวโหย หม่นหมอง
ก็เป็นไปตามครรลอง
ธรรมเนียมของคนช้ำใน
ว่าให้กินใบบัวบก
ถูกชกยังพอหายช้ำได้
แต่ช้ำกันที่ข้างใน
จะทายายังไงกันดี
นั่งฟังเพลงของคนอกหัก
เลิกรักแล้วอยากเปิด
ปิดแล้วก็ไม่อยากไป
อยากรู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไร
โลกนั้นคงสดใสเมื่อไม่มีฉัน
“ตอนนี้” โยคีเพลย์บอย
ฟังแล้วทั้งหงอยทั้งเหงา
บางครั้งก็เผลอกลายเป็นเศร้า
ทั้งที่ตัวเราไม่ได้เป็น
ชอบมากชอบมากเพลงนี้
ฟังกี่ทีก็ซึมไปพักใหญ่
ว่างๆ น้ำตาก็ไหล
“โลกนั้นคงสวยดีในนั้นที่ไม่มีฉัน”
อีกเพลงที่ชอบร้องสลับกัน
ท่วงทำนองคล้ายกันใช่ไหม
“ทางแยก” เพลงนี้นั่นไง
มีแต่ฉันกับความผูกพันของเรา
ความเหงามาเยือนย่าง
พรุ่งนี้คือการจากลาอีกครั้ง
กับทางที่ถึงตรงทางแยก
แต่ละทางของคน แต่ละทางของใคร
สบอารมณ์ความสาสมใจ
กับความเหน็บหนาวบนทางที่เธอได้มอบไว้
ฉันมีดอกไม้เก่าๆ กับแสงอ่อนๆ
ความหวังยังคงอยู่อีกไกล
คนอีกล้าน เจอะเจอผ่านพบก็มากมาย
ไม่มีความหมายใด ไม่มีความหมายตรงตามใจ
ลาอีกครั้ง กับทางที่ถึงตรงทางแยก
แต่ละทางของคน แต่ละทางของใคร
เศร้าเหมือนกันไหม
“ฉันมีดอกไม้เก่าๆ” – เศร้าไหม?
แต่ก็ยังดีที่มี “แสงอ่อนๆ”
แม้ “ความหวังยังคงอยู่อีกไกล”
“คนอีกล้าน…ไม่มีความหมายใด”
เดินร้องเพลงนี้ไปท่ามกลางฝูงคนดูที
จะรู้ว่ามันกัดกินหัวใจได้ขนาดไหน
“ไม่มีความหมายตรงตามใจ”
อากาศหรือ? หรืออะไร?
ทำไมคนเศร้าคนเหงาเยอะเหลือเกิน?
ฤดูกาลคืบคลานมาแล้วผ่านพ้น
เธอไม่ต้องทำอะไรแค่อดทนนั่งขดตัว
ร้องไห้ไปเถิดร้องไห้
ตัวสั่นตัวโยนไปเถิดเพื่อน
ไม่เคยคิดจะตักเตือน
ชอบเห็นเพื่อนร้องไห้ ร้องให้พอ
พรุ่งนี้หยุดร้องดีไหม
น้ำตามันใสก็จริงหนอ
แต่มันทำให้ตาคล้ายเป็นต้อ
มองท่อไม่เห็นระวังจะหล่นลงไป
หล่นไปในท่อความทุกข์
ความสุขไม่มีในนั้นหรอกสหาย
เมื่อน้ำตาแห้ง มองโลกชัดขึ้นมากมาย
ถึงแผลยังคงฝังในอยู่ก็ตาม
ทุกคนล้วนมีแผลทั้งนั้น
แผลใหญ่แผลเล็กกันหลากหลาย
พักผ่อนนอนหลับให้สบาย
อย่าให้น้ำตาไหลไปถูกแผล
ไม่งั้นมันจะเรื้อรัง
หนองเหลืองๆ ไหลหลั่งน่าเกลียด
คนสะอาดอนามัยไม่เครียด
รักษาให้แห้งไว้ เดี๋ยวแผลก็กลับคืน
อาจารย์เคยสอนไว้ว่า
ร่างกายรักษาตัวเองได้
เรากินโปรตีนไปตั้งมากมาย
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ด้วยตัวมัน
แม้เราจะไม่ได้เป็นพิโกโร่
พอถูกตัดแขนแล้วยืดออกมาใหม่ได้
เราไม่ได้เป็นซูเปอร์เซย่าแต่อย่างใด
น้ำตาก็ย่อมไหลเป็นธรรมดา
ก็คนธรรมดานี่แหละ
จึงมีน้ำตาไว้ไหล
มีโอกาสให้ต้องเสียใจ
มีโอกาสได้รู้จักความรู้สึกตัวเอง
เพื่อนสาวบอกกับผมว่า
เวลาผู้ชายอกหักนั้น
เหมือนเขาขว้างของออกไปทันควัน
ทางหน้าต่าง หันมาแล้วหาไม่เจอ
ส่วนหากถ้าเป็นผู้หญิง
ยามเธออกหักน่ะหรือ
เหมือนใครหยิบยื่นเอามือ
มาล้วงควักของสำคัญไปจากตัว
เธอว่าเจ็บปวดกว่ากันมาก
ผมเองก็ไม่อาจรู้ได้
เมื่อไม่ได้เกิดเป็นหญิง รู้ได้แค่ชาย
แต่ก็พอเห็นภาพความโหดร้ายนั้น
โดนควักสิ่งของไปจากตัว
ยากจะหา “ของ” ชิ้นเดิมมาเติมกลับ
รูโหว่มีไว้รอรับ
หรืออาจมีไว้อย่างนั้นเอง
จะโหว่ก็เพราะเรารู้สึกโหว่
โลกโหว่เพราะเราแหว่งวิ่น
เพลงเหงาเพราะเราได้ยิน
ในยามที่อยู่เพียงลำพัง
มนุษย์โลกเป็นสิ่งมีชีวิตโดดเดี่ยว
สุดท้ายแล้วก็เดินคนเดียวแหละหนา
มีคนเคียงข้างบ้างบางเวลา
แต่ใครจะมาอยู่ด้วยตลอดไป
อาบน้ำ-อาบสองคนไม่สะดวก
โถปัสสาวะชายเบียดกันไม่ได้
หลายอย่างคงไม่เป็นไปอย่างใจ
จะหวังใครอยู่กับเราตลอดกาล
คนเราก็ต้องมีเวลาของเขา
มีฝัน มีหวัง มีเหาให้นั่งหา
มีผมคันให้ถอนเล่นบางครา
มีสิวให้ไปหายามาทาถู
วันหนึ่งเขาอาจเดินจากไป
เราจะทำอะไรกันดีหนอ
ร้องไห้กันเถิดร้องมันให้พอ
แต่พรุ่งนี้อย่าร้องต่อมันเมื่อยตา
เหลือเชื่อว่าเมื่อมาถึงบรรทัดนี้
ความรู้สึกล้นปรี่หายต๋อม
ว่างๆ ใครซึมขอชวนลอง
นั่งลงเขียนสมองใส่สมุด
เทความทุกข์ลงบนหน้ากระดาษ
เปลี่ยนน้ำตาเป็นน้ำคำกันขำขำ
คนเราไม่ได้เหงาเศร้าทุกวัน
เพราะฉะนั้น วันนั้น โอกาสทอง
รีบปลดรีบปล่อยเก็บไว้
เมื่อมือพาไป ใจไม่ต้องขัด
อยากเขียนอะไรก็รีบคัด
อะไรที่ติดขัดปล่อยมันออกมา
เหมือนเวลาน้ำมูกอุดจมูก
หายใจไม่ถูกเลยใช่ไหม
ปื้ด ปื้ด ปื้ด เฮ้อ โล่งไปถึงใจ
สั่งมันให้ไหลหลั่งริน
สนุกดีเขียนมาได้ตั้งยาว
หายเหงาเสียแล้วสิฉัน
ว่าแล้วก็มานั่งฟังเพลงกัน
ฉันกำลังชอบฟังเพลงนี้
…
Juxtaposed with you
It’s easy when you know how
To get along without Biff! Bang! Pow!
And if I see that you’re fed up
I’ll stop and give you a leg up
Over-priced unreal estate, surreal estate
The highest price they’ve hit to date
Creating new divides and tension
You’ve got to tolerate
All those people that you hate
I’m not in love with you
But I won’t hold that against you
You’ve got to tolerate
Some of those people that you hate
I’m not in love with you
But I won’t hold that against you
This is a tale of two situations
Mutual appreciation
Away from narrow preconception
Avoiding conflict hypertension
Non-phobic word aerobic
This was my domain
‘Til someone stole my name
You’ve got to tolerate
All those people that you hate
I’m not in love with you
But I won’t hold that against you
You’ve got to tolerate
Some of those people that you hate
I’m not in love with you
But I won’t hold that against you
Let’s get juxtaposed, juxtaposed
Just suppose I juxtapose with you
(I wanna get juxtaposed with you) (X4)
You’ve got to tolerate
All those people that you hate
I’m not in love with you
But I won’t hold that against you
You’ve got to tolerate
Some of those people that you hate
I’m not in love with you
But I won’t hold that against you
Let’s get juxtaposed
…
*ขอบคุณ Super Furry Animals
และพี่ Bickboon ที่ทำให้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาอีกครั้งครับ
ขอยืมคำแปลจากบล็อกพี่มาแปะในนี้นิดนึงนะครับ : )
juxtaposed =
to put things which are not similar next to each other
tolerate =
to accept behaviour and beliefs
which are different from your own,
although you might not agree with or appove of them