เพราะความอ่อนแอของเจ้าของบ้าน

กุมภาพันธ์ 3, 2007

จริงๆ แล้วบ้านหลังนี้ไม่มีตัวตน ไม่ได้ปักเสาเข็มลงดิน
มันลอยห้อยฝากไว้กับอากาศ ล่องหน ไม่เห็น ถ้าไม่มอง
แต่มาเยี่ยมกันได้ ง่ายๆ แค่กระดิกนิ้วประตูบ้านก็เปิดแล้ว

บ้านที่น่าอยู่ น่าจะมีห้องรับแขกที่น่านั่ง
ห้องรับแขกที่น่านั่ง ย่อมทำให้บรรยากาศดี
และเมื่อบรรยากาศดี การพูดคุยสนุกสนานย่อมเกิดขึ้น

ตอนเรียนสถาปัตย์ เราเป็นคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับ
‘พื้นที่ส่วนสาธารณะ’ มากกว่า ‘พื้นที่ส่วนตัว’
ห้องนอนเล็กได้ ร้อนได้ แต่ห้องรับแขกต้องอยู่ในทิศทางที่ดี วิวสวย
ไม่ได้อยากโชว์ความสวยให้แขกดู แต่อยากให้แขกยิ้มแย้ม
เมื่อแขกยิ้ม แขกชอบ แขกก็จะมาเยี่ยมอีก

แขก ก็คือ เพื่อนน่ะแหละ
มีเพื่อนมาเยี่ยมก็หายเหงา

บ้านที่มีคนมาเยี่ยมบ่อยๆ คนในบ้านย่อมมีความสุข
ต่างจากห้องพักที่อยู่เหงาๆ คนเดียว สุขบ้าง ทุกข์บ้าง
การได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมบ้านเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิด
เข้าใจกันมากขึ้น และ ‘ซี้’ กันมากขึ้น

แต่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้หรอกว่า
ผู้มาเยือนจะพูดจาเรื่องอะไร อาจเป็นหัวข้อที่เราคุยต่อด้วยไม่ได้
อาจเป็นเรื่องที่เราได้ยินแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี เสียกำลังใจ
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในห้องรับแขก-แขกมากหน้าหลายตา

จริงๆ แล้ว เราเห็นว่า เจ้าของบ้านไม่มีสิทธิกำหนดว่า
สิ่งใดควรพูดในบ้าน สิ่งใดไม่ควรพูด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้
สิทธิในการแสดงความคิดเห็น

ถ้าคนหนึ่งพูดได้ อีกคนก็ควรจะพูดได้

สองวันที่ผ่านมา
เราจึงใช้วิธีแบบคิดสั้น คือ ปิดหูตัวเองซะ
ไม่ฟังคำสนทนาแลกเปลี่ยนจากผู้มาเยี่ยมทุกแบบ
ดี-ร้าย อยากฟัง-ไม่อยากฟัง คุยต่อได้-คุยต่อไม่ได้

แต่การปิดหูก็ทำให้เกิดบรรยากาศสนทนาทางเดียว
ซึ่งเรารู้สึกว่า มันไม่ใช่บรรยากาศของบ้าน
การพูด-พูด-พูดอยู่ข้างเดียว ย่อมมิใช่การสนทนา

อย่างที่เคยเล่าว่า เพื่อนนักเขียนคนหนึ่งเคยบอกกับเราว่า
“ถ้าไม่ชอบหนังสือของเราก็อย่าด่ากันนะ เราไม่ค่อยแข็งแรง”
เหมือนที่คุณ อรุณวดี อรุณมาศ พูดไว้บนเวทีสนทนาในงาน
วรรณศิลป์จุฬาฯ ว่า “ไม่ชอบเล่นอินเตอร์เน็ต เพราะเคยอ่าน
คำวิจารณ์งานเขียนของตัวเอง แล้วรู้สึกแย่ อ่อนแอเกินกว่าจะอ่านได้”

เคยถามอาจารย์ปิ่น ปรเมศวร์ ว่า ทำไมจึงปิดช่องแสดงความคิดเห็น?
ทั้งที่มันเป็นช่องทางการได้คุยและรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่เราไม่เคยเจอหน้าค่าตา
ซึ่งช่วงแรกของการเขียนบล็อกอาจารย์ก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ มากมาย
อาจารย์ตอบว่า “ผมอยู่ของผมดีๆ ทำไมต้องให้คนมาด่าด้วย” และ
“ขี้เกียจเถียง ถ้าวันๆ ต้องมานั่งพิมพ์โต้ตอบกันแบบนี้ ก็คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี”

ถึงวันนี้ เราเข้าใจคำพูดของทั้งสามคน

อยากบอกว่า รู้สึกดีที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายคน
อย่าง พี่แขก คุณเอี้ยง พี่จุ๋ม พี่ญา และน้องๆ ที่ได้คุยกันบ่อยๆ ในนี้
อย่าง สิ มด ปอ ต้อม ศร เติ้ล อ้อย หมี บอม ฯลฯ
และคนอื่นๆ ที่พูดคุยกันเป็นระยะ

ดี-ที่ห้องรับแขกนี้ทำให้เกิดบรรยากาศดีๆ และการแลกเปลี่ยน
ทำให้รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งบางทีก็แตกความคิดต่อไปได้ในมุมอื่น
บางครั้งก็ได้โอกาสมานั่งทบทวนสิ่งที่เคยคิด เมื่อมีความคิดของคนอื่น
เข้ามาปะทะ (ในแบบไม่รุนแรงนัก)

คิดมาคิดไป
การปิดหู แล้วนั่งพูดอยู่คนเดียวในห้องรับแขกจึงเป็นเรื่องที่ดูจะน่าเสียดาย
จึงตัดสินใจเปิดหูออกฟังคำสนทนาของเพื่อนบ้านอีกครั้งหนึ่ง
แต่ขออนุญาตเพื่อนบ้านทั้งหลายไว้สักหนึ่งอย่าง
แม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่อยากขอเลยก็ตาม

คือ ขอใช้สิทธิ์ ‘ลบ’ คำสนทนาที่เจ้าของบ้าน (ผู้อ่อนด้อยและอ่อนแอ)
อ่านแล้วเห็นว่า ‘น่าลบ’ ซึ่งขอใช้สิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตัวเอง
ตามความอ่อนแอและอ่อนด้อยของอายุ วุฒิภาวะ และภูมิคุ้มกัน

โดยจะพยายามใช้สิทธิ์นี้ให้น้อยที่สุด
และเปิดทั้งหูและประตูห้องรับแขกออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้

หวังว่าเพื่อนบ้านจะเข้าใจ และไม่โกรธกัน

ขอเชิญ+ชวนให้สนทนากันโดยมิต้องเกร็งใจหรือเกรงใจ
เชิญได้เต็มที่!

และหากต้องมีบทสนทนาใดถูก ‘ลบ’ ทิ้งไป
โปรดเข้าใจด้วยว่า นั่นย่อมมิใช่ความผิดของท่าน-ผู้ส่งบทสนทนานั้นออกมา
หากแต่เป็นความผิดและความอ่อนแอของเจ้าของบ้านเอง

สุดท้าย เนื่องด้วยเจ้าของบ้านก็เป็นคนเช่นนี้
ไม่ได้ฉลาด ไม่ได้รอบรู้ ไม่ได้เป็นผู้ที่ไม่เคยผิดพลาด
ไม่ได้เป็นนักเขียน และไม่เคยเรียกตัวเองแบบนั้น
(ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งจะเป็นได้)
เป็นแค่คนที่อยากเขียนหนังสือ และเลือกจะทดความคิด
ไว้ในบล็อก (บ้านล่องหน) เผื่อเกร็ดหรือเศษความคิดเหล่านี้
จะไปกระทบสมองใครให้นำไปประกอบเป็นอะไรต่อมิอะไรต่อ
ก็เห็นว่าน่าสนุกดี

แต่อย่าเอาจริงเอาจังอะไรกับบล็อก หรือ บ้านหลังนี้มากนัก
เพราะเจ้าของบ้านก็เป็นเพียงคนเขียนบล็อกคนหนึ่ง
มีอ่อนแอ มีร้องไห้ มีโปกฮา มีหยาบคาย มีหลายอารมณ์เหมือนใครๆ
วันไหนเหงาก็บ่น วันไหนสุขก็ฮา ตามประสามนุษย์
ในเมื่อคิดซะว่าบล็อกคือบ้านของเรา เราก็คงแสดงอารมณ์ทุกอย่างในบ้าน
ได้ตามสะดวก หากวันใดเข้ามาแล้วไม่ชอบใจ หรือรู้สึกว่าไร้สาระ
เจ้าของบ้านโง่เง่า หรือ ปัญญาอ่อน วันนั้นต้องขออภัยด้วย

แนะนำได้ แต่อย่าด่ากันเลยครับ ยอมรับว่าไม่ได้เข้มแข็งอะไร

แค่นี้ก็รู้สึกว่า พูดพล่ามมามากเกินไปแล้ว เกรงจะมีคนรำคาญ
แต่คิดดูอีกที ถ้าคนเค้ารำคาญเค้าคงไม่อ่านมาถึงบรรทัดนี้
(ถ้าอ่าน ก็ ‘ขอโทษ’ ไว้ที่บรรทัดนี้เลยละกันครับ)

เอาเป็นว่า ‘ประตู’ ห้องรับแขกเปิดอีกครั้ง
ขอเชิญแขกทุกท่านเข้ามานั่งคุยกันอีกหน
ลมเย็นๆ ต้นไม้เขียวๆ โซฟานุ่มๆ น้ำอุ่นๆ แก้คอแห้ง รออยู่

อยากพิสูจน์อีกครั้งว่า ชุมชนในอินเตอร์เน็ตไม่โหดร้ายเกินไปนัก
แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เราคิด
การปิดประตูอาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด.

74 Responses to “เพราะความอ่อนแอของเจ้าของบ้าน”

  1. keyzame Says:

    พี่นิ้วดูเครียดๆ..

    ยิ้ม หน่อย สิ

    เรา จะ เข้า มา นั่ง ใน ห้อง รับ แขก บ่อยๆ น้ะ

    ถึง แม้ว่า จะ เข้า มา นั่ง เฉยๆ

    ไม่ค่อยได้ทำไร

    แต่ก้อรุสึกดีที่ได้มา

    น้ะ จิงๆ น้ะ

    .^^.

  2. viphaluk Says:

    ถ้าเอ๋ ปิดประตู … มันคงไม่ดีแน่

    ขอให้เชื่อในเพื่อนแท้

    ที่จะดูแลกันและกัน

    ขอให้แง้มประตูเอาไว้

    สำหรับคนที่ชื่นชม ความฝัน

    ชมบ้างติงบ้างร่วมแบ่งปัน

    คงไม่ใช่ชั้น..เท่านั้น…ที่ไม่อยากเห็นเจ้าบ้านอ่อนแอ (มากไป)

  3. ปอนด์ Says:

    โอ๋ โอ๋ พี่นิ้วกลม
    เกิดอะไรขึ้นหรอเนี่ย
    เราหายหน้าไป (งด) การ เม้นต์ ไปพักหนึ่ง พอกลับมาอ่าน ไหงเป็นเช่นนี้หนอ
    อย่าเพิ่งหมด(แรง) ใจไปนะ

    เห็นด้วยกะคุณ viphaluk น้า
    ยังไงก็อยากให้เปิดห้องรับแขกไว้
    เพราะเป็นที่ที่เราสะดวกใจเข้าไปนอนเอาหัวไถบนโซฟา
    ฟังเค้าคุยกันไปได้

    เพราะอย่างที่พี่เอ๋ว่า
    ส่วนที่ดีมันก็มีนะ
    เราเข้ามาอ่านยังขำ ยังได้ยิ้ม แม้เราไม่ได้พูดอะไรไป
    บางทีมันก็เหมือนมานั่งฟังเพื่อนคุยกัน
    แม้เพื่อนบางคน ถ้ามันทะลึ่งตึงตังบ้าง
    แต่ว่า ถือว่าเสียงประชาชน คือ เสียง พระเจ้าละกันนะ
    บางทีพี่ก็เอาเท้าค่อยๆ เขี่ยมัน(ด้วยความปรานี) ลงจากโซฟาบ้าง
    คงไม่เป็นไรมั้ง

    ว่าแต่ว่า เม้นต์อันนี้คงไม่โดนเขี่ยลงจากโซฟานะก๊ะ
    สู้ๆๆๆ 😀

  4. pattararanee Says:

    คือว่าเราเลี้ยงฟลัฟฟี่ไว้ในปากเสียด้วย ทำไงดีล่ะ ^.^
    ไงก็ เอาฮาร์พหรืออะไร มาขับกล่อมหน่อยนะ มันจะได้สงบๆ

    แค่เจ้าของบ้านกลับมาโดยสวัสดิภาพก็ดีใจแล้ว ^_^
    ยินดีต้อนรับสู่บ้านพักฯ ของตัวเอง อีกครั้งนะ

    *บ้านนี้มีกระจกมั้ยคะ จะได้เห็นเพื่อนยิ้มกันใหญ่เลย
    **เป็นการกลับมาที่น่าจะเกินคุ้มนะคะ

  5. Vingt-Neuf Says:

    พี่เอ๋คะ “ดีใจ” คือความรู้สึกเดียวที่มีในตอนนี้….
    ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับการเปิดประตูบ้านนี้อีกครั้ง
    การที่เข้ามาแล้วเห็นคอมเมนต์วิ่งแล้วมันรู้สึกดียิ่งกว่าอะไร
    ถึงบางครั้งจะไม่ได้ลงวิ่งเล่นด้วยก็ตาม…
    ดีใจจริงๆค่ะ ที่ได้ถอดรองเท้าแล้วก้าวเข้าบ้านหลังนี้อีกครั้ง

    อืมพี่เอ๋คะ ปอว่า…
    บางครั้งแขกที่มาบ้านก็อ่อนแอไม่แพ้เจ้าของบ้านหรอกค่ะพี่เอ๋

    ขอบอกอีกครั้งนะคะ ดีใจและขอบคุณจริงๆค่ะ

  6. ฟ้า Says:

    พื้นที่ตรงนี้ไม่มีอยู่จริง..
    แต่มันสร้างมิตรภาพได้จริง ๆ

    ถ้าที่นี่คือห้องรับแขกในบ้านของพี่
    แล้วมีคนมาทำเรื่องไม่ดีเอาไว้
    เพื่อนบ้านแสนดี(ตั้งหลายคน) ก็กำลังรอที่จะช่วยและเป็นกำลังใจเสมอนี่คะ

    พื้นที่ตรงนี้ไม่มีอยู่จริง..
    แต่คำพูดบางประโยคที่ผ่านมาของพี่(ที่บอกว่าตัวเองอ่อนแอ)
    กลับทำให้ใครบางคนกลับมายืนได้อีกครั้งนะ

    เราไม่ได้รู้จักกัน
    เราไม่รู้จักใครซักคนในที่นี้
    แต่เราไม่อยากให้มันหายไปเลย . .

    เราเชื่อว่าหลายคนในนี้
    ผูกพันกับที่นี่แล้วเหมือนกัน

    ^^

  7. SSM Says:

    ไม่ใช่แค่เจ้าของบ้านคนเดียวหรอกครับ หลายๆคนในนี้รวมทั้งผมก็ อ่อนแอ แต่หลายๆครั้งที่ผมอ่อนแอ หมดอาลัยตายอยาก ไม่มีกำลังใจที่จะทำอะไร การมานั่งเล่นในห้องรับแขกนี้ซักพัก ก็ช่วยให้ผมมีกำลังใจ มีแรงพอที่จะไปทำอะไรต่อๆไปได้ครับ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ความผิดใครหรอกครับ คนเราต้องมีทั้งช่วงที่เข็มแข็งและอ่อนแอครับ บางคนดูภายนอกดูเข็มแข็งแต่ภายในนั้นอ่อนแอมาก พวกนี้ต้องพยายามฝืนตัวเองให้เข็มแข็ง ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ซึ่งผมว่าทำแบบนี้ไปมากๆก็ไม่ดีหรอกครับ มันฝืนร่างกายตัวเองมากไป เราควรจะต้องมีทั้งเวลาเข็มแข็งและเวลาอ่อนแอครับ ไม่มีใครแข็งแข่งตลอดเวลาและไม่มีใครอ่อนแอตลอดเวลาหรอกครับ อ่อนแอ เข็มแข็ง สลับกันไป นี่แหละมั้งครับที่เค้าเรียกว่า ชีวิต 🙂

  8. อ้อย Says:

    เฮ้ยพี่เอ๋ใจเยนๆ คิดมากน่ะ

  9. ปิ่น ปรเมศวร์ Says:

    จริงๆ ผมเป็นคนชอบเถียงนะครับ

    เมื่อก่อนเข้าขั้นช่างเถียง แต่เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยรู้สึกอยากเถียงในความหมายเดียวกับเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้เลิกต้องการเอาชนะทางความคิดต่อคนอื่น เลิกคิดจริงจังที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดใครต่อใคร แต่ถ้าได้เถียงหรือได้แลกเปลี่ยนความคิด ก็อยากฟังว่าเขาคิดอย่างไร และร่วมแลกเปลี่ยนว่าเราคิดอย่างไรมากกว่า พยายามเข้าใจความคิดเขา และให้เขาเข้าใจความคิดเรา

    ก็เท่านั้น

    ไม่ต้องได้ข้อสรุประหว่างกันก็ได้ ไม่ต้องเถียงกันจนรู้ผลแพ้ชนะก็ได้ เอาให้เข้าใจจุดยืนของกันและกัน และชีวิตก็ดำเนินต่อไป เคียงกันหรือขนานกันก็ไม่เป็นไร

    ตั้งแต่ปลายๆ ปี 2547 ตั้งแต่ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มรุนแรง ไล่เรื่อยมาถึงปี 2549 เต็มปี ที่การเมืองไทยมั่วซั่วไร้เหตุผลกันถึงขีดสุด … ผมก็รู้สึก ‘ไม่สนุก’ ที่จะเถียงอะไรกับใครดังเดิมแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการเถียงในความหมายเก่า กระทั่งเถียงในความหมายใหม่ ถ้าไม่จำเป็น หรือไม่รักกันจริง ก็ไม่ค่อยอยากจะคุย

    การเมืองมันไม่สนุก จนคนรักการเมืองอย่างผม เอียนระอาจริงๆ ตั้งแต่กลับมาเขียนคอลัมน์ใหม่ต้นปี 2549 ผมแทบไม่ได้เขียนเรื่องสถานการณ์การเมืองเลย มันเบื่อและไม่สนุก

    บรรยากาศการถกเถียงก็ไม่สนุก มันร้อนแรง โหดร้าย เคียดแค้น ด่าทอกันด้วยอารมณ์ จับประเด็นกันไม่ได้ หลักการไม่มีกัน เอามันเข้าว่า เล่นกันด้วยเรื่องส่วนตัว จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง บิดเบือนบ้าง จับคนยัดใส่ข้างโน้นข้างนี้ ตัดสินกันและกันอย่างไม่เป็นธรรม

    บรรยากาศที่แบ่งขั้วแยกข้างอย่างชัดเจน แบ่งโลกเป็นขาวดำ แล้วปฏิบัติต่อคนต่างขั้วต่างข้างต่างสีแบบไม่เคารพความต่างอย่างเพียงพอ ไม่มีทางเลือกหลากหลายระหว่างทาง

    บรรยากาศที่ต่างขั้วต่างมีอคติครอบงำรุนแรง มีข้อสรุปตั้งธงไว้แล้วในใจ

    … ก็ไม่รู้จะเถียงกันให้สนุกได้อย่างไร

    ผมเคยชอบเถียง เพราะเถียงแล้วสนุก ก็หมดสนุก

    ผมเคยชอบเถียง โดยเฉพาะการเถียงในบรรยากาศที่สนุก ภายใต้หัวใจและความคิดของแต่ละคนที่เปิดกว้าง ก็หมดสนุก เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยให้เถียงกันได้อย่างสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนได้อย่างเป็นมิตร อย่างตรงไปตรงมา อย่างเคารพซึ่งกันและกัน

    ได้คุยกับเพื่อนฝูงหลายวงการจำนวนมาก ก็รู้สึกต่อวัฒนธรรมแสดงความเห็นในโลกไซเบอร์ในช่วงการเมืองร้อนแรงในช่วง 2 ปีหลังคล้ายๆ กัน

    อ่านเว็บบอร์ดแล้วก็ให้รู้สึกป่วยไข้ได้ไม่ยาก

    ที่ป่วยไข้ไม่ใช่เพราะไม่ชอบความเห็นต่างจากตน แต่ไม่ชอบบรรยากาศ อารมณ์ และวัฒนธรรมในการแสดงความเห็นของคนจำนวนมาก(ในบอร์ดการเมือง)ที่ไม่อารยะ ไม่รับผิดชอบ เถียงกันด้วยฐานของอารมณ์มากกว่าความรู้ เอาชนะกันด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ก่นด่าคนอื่นใช้ภาษาหยาบคาย

    จนทำให้เราไม่สามารถใช้ข้อดีของอินเทอร์เน็ตได้อย่างสร้างสรรค์เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น เว็บบอร์ดหรือบล็อกที่สามารถเป็นชุมชนที่สร้างสรรค์ได้ไม่ยาก กลับยากลำบากที่จะเกิดขึ้นในสังคมนี้โดยเฉพาะในช่วงฝุ่นการเมืองตลบอบอวล

    นี่เป็นเหตุผลที่ตั้งแต่เราเริ่มทำโอเพ่นออนไลน์ คอลัมนิสต์แทบทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า ขอไม่เอาเว็บบอร์ด

    บางคนถึงกับบอกว่าถ้ามีเว็บบอร์ด ขอบายไม่เขียน มันโหดร้ายเกินไป เรื่องอะไรให้คนมาด่าฟรีๆ แบบงี่ๆเง่าๆ แบบกวนใจให้ขุ่น

    ถ้าจะพูดให้ถูก ผมไม่กลัวโดนด่า ถ้าเป็นคำด่าด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่คำด่าแบบไร้ความรับผิดชอบ ไร้สาระ

    ผมไม่ขี้เกียจเถียงนะครับ ถ้าเถียงแล้วสนุก บรรยากาศมันน่าเถียงกัน แต่ดูแล้วคงยากที่จะเป็นช่วงเวลานี้ และยากที่จะใช้เวทีไซเบอร์สเปซในการเถียงให้สนุก

    ส่วนที่บล็อกตัวเอง ถือว่าเป็นบ้านของผม ตั้งแต่กลับมาเมื่อกลางปีก่อน งานการยุ่ง ประการหนึ่ง และเอียนการเมือง อีกประการหนึ่ง ยิ่งหลังปฏิวัติยิ่งเศร้าใจ เลยยังไม่มีอารมณ์จะเปิดบ้านคุยอะไรกับใคร นอกจากพรรคพวกเพื่อนฝูงที่สนิทจริงๆ ซึ่งคุยกันในพื้นที่อื่นอยู่แล้ว


  10. กลับมาเยี่ยมด้วยคนครับ พี่เอ๋ไม่เอา อย่างอแงนะ หยุดงอแงแล้วผมจะให้อมยิ้ม (บ้าไปแล้ว…) เอาเป็นว่าผมเป็นกำลังใจให้พี่เอ๋เสมอครับ ถ้าพี่เอ๋รู้สึกอะไรไม่ดีก็เขียนลงมาระบายที่นี่ก็ได้ ไม่ต้องเขียนแต่เรื่องมีสาระหรือไอเดียบรรเจิดก็ได้ครับ แค่เขียนเรื่อง”ความไม่สบายใจของนิ้วกลม”ก็มีคนอยากอ่านเป็นพัน(หรืออาจจะเป็นหมื่น)แล้วครับ อย่าปิดประตูบ้านอีกนะครับ มันเหมือนเจ้าของบ้านไม่ชอบหน้าแขกบางคน(กูหรือเปล่าุเนี่ย?)แล้วปิดประตูล็อคบ้านไม่ยอมเจอหน้าใคร ยังไงผมเชื่อว่าพี่เอ๋เป็นเจ้าบ้านที่ดีเสมอครับ ผมว่ามีไม่เยอะหรอกนะเจ้าของบ้าน(บล็อค)ที่พูดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้วทำให้แขกที่มาเยี่ยมเยียนได้รับความสุข+ไอเดียบรรเจิดขนาดนี้ มีอะไรก็เอามาเขียนครับ(ผมยังเขียนเรื่องไร้สาระมากๆลงบล็อคเลย…ไร้สาระแค่ไหนลองแวะไปอ่านสิครับ กำลังมีปัญหาหนักอกอยู่เนี่ย…ช่วยแนะนำวิธีแก้ปัญหาหน่อยดิ 😀

  11. spermy Says:

    ถือไว้ทำไมมันหนัก ปล่อยมันเถอะ เราควบคุมความคิดคนอื่นไม่ได้แต่เราควบคุมใจเราเองไม่ให้อ่อนแอมากเกินไปได้นะ เข้มแข็งเถอะ สู้ สู้ 🙂

  12. กีต้าร์ Says:

    พี่นิ้วกลม
    ขอให้พี่มีวันดีดี ต่อไปค่ะ
    สุ้เค้าน๊า
    เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ


  13. ชอบชื่อนี้นะ “เพราะความอ่อนแอของเจ้าของบ้าน”

    จริงๆ พี่ว่าคนเขียนบล็อกคงต้องเจอกับสภาวะแบบนี้
    พี่ก็เคยลบความคิดเห็นของบางคน
    ตอนลบไปแล้วก็มานั่งคิดว่า เราใจไม่กว้างพอหรือเปล่า
    เราทนกับความคิดเห็นที่อยู่ตรงข้ามเราไม่ได้เลยหรือ

    แต่มาทบทวนดู ความคิดเห็นที่เราลบไปนั้น
    ไม่ได้เกิดจากความคิดที่อยากถกเถียงจริงๆ
    แค่อยาก “เกรียน” เล่น ๆ
    ก็อาจต้องลบๆ ไป

    เหมือนบ้านเราแหล่ะ ถ้าแสงแดดมันเข้ามาทางหน้าต่าง
    เรายังต้องรูดผ้าม่านมาปิดเลย
    เราคงไม่ปล่อยให้แดดมาแยงตา

    ร้อนมากๆ ก็อาจต้องเปิดแอร์
    ปรับสภาพอากาศในห้อง

    ฝุ่นเข้ามาก็ต้องเช็ดถูปัดกวาด

    บางทีการเขียนบล็อกก็อาจเป็นแบบนั้น

  14. pattararanee Says:

    25 กรกฎาคม 2549
    ขณะโลกหมุน…
    โลกหมุนวนทุกนาที
    คนเดินทางผ่านกาลเวลา
    คนหลายๆ คนเดินไปในทิศทางที่โลกหมุน
    มีวัฏฎะทำนองเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
    แต่คนบางคนกลับเดินสวนทางด้วยความตั้งใจ

    เคยคิดหาเหตุผลไหมว่า
    ทำไมคนบางคน ถึงทวนกระแสได้ด้วยความคิดแตกต่างของเขา
    เคยรู้สึกกันไหมว่า
    โลกหมุนจนเป็นธรรมดาของโลก
    แต่คนบางคนกลับเห็นต่างจากธรรมดา

    การเปลี่ยนแปลงเกิดในหลายยุคสมัย
    ทั้งโลกตะวันตกโลกตะวันออก
    ก็ไม่แตกต่างกัน
    เพราะมีทั้งคนที่เห็นพ้องและเห็นต่าง
    จึงเกิดหลักความรู้และสิ่งประดิษฐ์นานา
    เมื่อคนเห็นแก่ตนเองมากขึ้น
    สงครามจึงเกิดตามมามากมายเหลือคณา

    คนเห็นต่างที่สร้างสรรค์
    ดังเช่น ศาสดาเอกของโลกหลายคนนั้น
    หากแม้ว่าครรลองของแต่ละศาสนาจะแตกต่างกันไป
    ตามแต่อัตลักษณ์ของประชากร และเงื่อนปัจจัยอื่นๆ มากหลายนั้น
    สิ่งสำคัญที่ศาสดาทุกท่านเห็นพ้องต้องกัน
    คือบอกให้ทุกคนเป็นคนดี

    ฉันไม่ใช่นางงามในเวทีใดๆ ของโลกใบนี้
    ฉันไม่ใช่คนดีที่ยิ่งใหญ่อะไรนักหนา
    แต่ฉันขออธิษฐานให้โลกนี้สงบสุข
    ….แม้ใครจะเห็นต่าง เรื่องในทางโลกหรือในทางธรรมอะไรๆ
    ….แม้ใครจะเดินสวนทางกัน….
    เพียงขอให้เมื่อพบกันระหว่างทาง…
    พวกเขาได้สัมผัสจิตใจกันด้วยความรัก…
    โอบกอดกันด้วยความดีเถิด
    โลกนี้คงน่าอยู่อีกนานนัก…

    *ขอกลับมาทบทวนเรื่องนี้กันอีกครั้งซึ่งฉันเองก็ลืมไป ว่าเราควรอยู่ตรงจุดไหนของโลกใบนี้

  15. พี่แป๊ด Says:

    เพิ่งเข้าไปอ่านที่เขียนถึงไฟนอลสกอร์
    เขียนดีมากเลยนะ
    พี่อ่านแล้วแทบร้องไห้แน่ะ

    แล้วเราก็ไม่สามารถเอาโลกที่ไม่ซับซ้อนใบนั้น
    กลับมาไม่ได้แล้ว
    เศร้าจริงๆ นะนี่

  16. หมี Says:

    Vingt-Neuf Says: ..บางครั้งแขกที่มาบ้านก็อ่อนแอไม่แพ้เจ้าของบ้านหรอกค่ะพี่เอ๋..

    เห็นด้วยกับปอน่ะพี่เอ๋ แขกบางคนก็อ่อนแอเค้าก็อยากได้เพื่อนคุยที่สบาย สบาย เข้าใจ มีพื้นที่ทีสามารถอยู่ได้

    แต่การที่พี่ตัดสินใจเปิดบ้านให้แขกเข้ามาอีกครั้ง ไม่ถือว่าอ่อนแอน่ะ นั่นแสดงว่าพี่ ‘เข้มแข็ง’ ขึ้น (ขอให้ภูมิต้านทานจงอยู่กับท่านตลอดไป)

  17. ketchup Says:

    ไม่เอาน่ะ อย่าเพิ่งท้อสิ
    ถ้าท้อมากๆ ว่างๆก็เอาเสื้อเรามาใส่ดิ

    ใส่แล้วฝันแข็งแรงไง

    สู้ๆน่ะพี่ งานที่เราทำออกมาก็ต้องมีทั้งคนชอบ
    และคนไม่ชอบ ต่างคนต่างความคิดหลากหลายอารมณ์
    แต่เราไม่สนใจว่าใครจะชอบไม่ชอบ แต่ขอให้รู้ไว้
    ว่าเราเป็นกำลังใจให้พี่เอ๋เสมอ

    ทำตามฝันต่อไปน่ะ
    แล้วจะเข้ามานั่งคุยด้วยบ่อยๆ

  18. ช่อแก้ว Says:

    โชคดีนะคะที่พี่ชายของเราคนนี้ยังมีความอ่อนแอและความอ่อนไหว
    ไม่ผิดที่คุณอ่อนแอ
    ไม่ผิดที่คุณอ่อนไหว
    ไม่ผิดที่คุณอ่อนด้วย
    เพราะทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ขาดหายไปลองนึกดูถ้าไม่มาสภาวะเช่นนี้โลกเราจะหน้าอยู่ได้อย่างไร
    เป็นภาพที่น่าอบอุ่นออกนะเวลามีคนคอยปลอบกัน(ตอนนี้ไงหล่ะ)
    คนเก่งต้องอ่อนแอบ้างจึงจะน่ารักจ้า
    คนที่เคยอ่อนแอก็จะต้องเข้มแข็งเมื่อเห็นคนที่เรารักอ่อนแอ
    มันเป็นสิ่งที่แก้วคิดไว้นะ
    แล้วก็อยากให้พี่เชื่อว่า เราทุกคนสามารถอ่อนแอได้ ไม่ผิด
    และมันทำให้เราได้แบ่งปันความรูสึกของกันและกัน

    ความเป็นปวดเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และเราจะเติบโตขึ้น
    แต่อย่าลืมความอ่อนแอและความพ่ายแพ้นะ
    เพราะถ้าคุณลืมจิตใจของคุณก็จะแข็งกระด้าง

    ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วล้วนดีทั้งนั้น
    อันนี้พี่ชายแก้วสอนไว้(พี่รอย)

    ที่นี่กลายเป็ฯศาลาพักใจไปแล้ว ขำๆๆๆๆๆ^__^

    ขอโทษนะที่ไม่ได้มาเยี่ยอมบ้านพี่ ก็ไม่ค่อยมีเวลา
    แต่ส่ง รปภ. ดูแลอยู่แล้ว
    กะจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามพี่มาอยู๋บ้านนี้สักหน่อย
    แต่เจ้าของบ้านแลจะเหนื่อย
    งั้นถ้าเกิดว่าพี่เหนื่อยก็หอบผ้าหอบผ่อนหนีไปเที่ยวที่บ้านเก่าเรากันก็ได้นะ
    ที่นั้นอาจจะรกไปหน่อย เดิมๆไปหน่อย ไม่ไฮเทค แขกไปใครมาก็น้อยนนิด
    มีเสื่อผืนเล็กๆกะหมอนใบน้อยๆไว้ให้พี่นอนเล่นได้ ไม่ต้องเกรงใจนะ
    ก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ

    ช่อแก้ว เอง

  19. สิ Says:

    พี่เอ๋ แค่เปิดใจรับอะไรที่อยากรับเข้ามาในชีวิตก็พอ =]

    ทุกคนก็อ่อนแอด้วยกันทั้งนั้น สิเองก็ด้วย

  20. CrossbacK Says:

    – -. ผมเห็นด้วยกับพี่ๆ มากมายที่เมนต์ไว้ข้างบน
    ผมเป็นคนๆหนึ่งที่ชอบมาแอบฟังคนคุยกัน มันเป็งสิ่งที่มีสาระ มีความเจนในตัว
    ปกติก็ไม่ค่อยได้เป็นฝ่ายพูดสักเท่าไร แต่อยากจะขอพูดครั้งนี้ เพื่อให้รู้ว่ามีคนอีกหลายๆคนที่แวะเข้ามาเยี่ยมบ้านหลังนี้ โดยฐานะผู้ฟัง
    และในฐานะผู้ฟังนั้น อย่างน้อยผมก็เป็นหนึ่งคนที่ได้ความรู้ หลักความคิดต่างๆมากมาย
    และในฐานะผู้ฟังนั้นรู้สึก “อิจฉา” ว่าทำไมบ้านนี้มีความสุขมากมาย มากกว่าความ”ทุกข์”
    และในฐานะผู้ฟังนั้นได้ “ซึมซับ” ความอบอุ่นนี้ไว้
    ต้องขอขอบคุณมากที่ ได้สร้างบ้านนี้ขึ้นมา อย่างน้อย ผม ในฐานะผู้ฟังก็ชอบที่จะเข้ามาฟังสิ่งต่างๆในบ้านนี้เป็นครั้งคราว – -”
    ในอนาคตหากมีโอกาสหวังว่าจะได้พูดมากกว่านี้

    เป็นกำลังใจให้ครับ.

  21. พี่แก้วเอง Says:

    แต่ถ้าอยากพักผ่อน
    ก็นอนซะให้เต็มอิ่ม
    จะไม่ไปรบกวนให้ตื่น
    หลับให้สบายนะพักผ่อนให้เต็มที่

    ถ้าตื่นแล้วก็ โกอะแฮด (เขียนถาษากิดไม่เก่ง กลัวผิด)

  22. yayaa Says:

    เมื่อคลื่นยักษ์ได้ผ่านพ้นไป
    เราจะพบ “คลื่นน้ำใจ” ที่อบอุ่นค่ะ

    เป็นกำลังใจให้ค่ะ

  23. โส่ย... Says:

    แวะมาทักทายเจ้าของบ้านอย่างเป็นทางการค่ะ

    เพราะปกติมักจะแอบเข้ามานั่งเล่นนอนเล่น
    แต่ไม่ได้แสดงตัวสักที
    เอาเป็นว่า เป็นกำลังใจให้เจ้าของบ้านหลังนี้ล่ะกันนะค่ะ

    แล้วอย่าลืมรีบกลับมารับแขกไวๆนะ

  24. yayaa Says:

    หลายครั้งหลายคราที่เราต่างท้อแท้
    แต่อย่ากลัวที่จะก้าวข้ามอุปสรรค

    อยากเห็น “ความรักระหว่างนิ้วกับตัวอักษรเป็นรักนิรันดร์….”

  25. ต้อม Says:

    ต้อมเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ถ้าพี่มานั่งอยู่ใกล้ๆ
    “หนูจะนวดให้ หนูจะพัดให้”

  26. snowflake Says:

    ง่า….
    ถึงว่าทำไมไม่มีที่ให้คอมเม้นเลย มาดูตั้งหลายวันแล้ว ในที่สุดก็ได้พิมพ์สักที
    คือหนูก็ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหรอกนะคะ แต่หนูเชื่อว่าในที่ๆๆสว่างที่สุดก็ยังคงมีส่วนที่มืดอยู่เหมือนกัน เหมือนหลุมดำบนดวงอาทิตย์ไงค่ะ พี่นิ้วกลมต้องสู้ๆๆนะคะ หนูจะขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ …..
    ปล.1. ตกใจมากมายที่มาแล้วไม่มีที่ให้เขียน 555 ว่าจะถามคนที่เล่นเน็ตข้างๆๆอยู่ว่าจะทำยังไง
    ปล. 2. หนูรออ่านเรื่องที่พี่นิ้วกลมเขียนอยู่นะคะ 🙂

  27. ** tiew Says:

    พี่ต้อม ฮามากกก

    งั้นเดี๋ยวเค้าซื้อน้ำมันมวยกับพัดให้นะ 5555555++

    โธ่พี่เอ๋ ความอ่อนแอเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง แต่ถ้ามองอีกแง่นึงความอ่อนแอจะ

    ทำให้พี่ชินชา และเข้มแข็งขึ้น เชื่อสิ หากวันเวลาผ่านไปแล้วเราย้อนมองกลับมา เราจะรู้สึกว่า ตัวเองงี่เง่ามากเลยอ่ะ พอดีเค้าก็เคยเจอเรื่องแบบนี้อ่ะนะ แต่พี่ไม่เห็นหรอ เค้ายังยิ้มได้เลย….

    รุ่นน้องคนนี้จะคอยมองดูและเป็นกำลังใจให้รุ่นพี่ทุกๆๆ คน ที่กำลังศึกษาอยู่
    ณ. มหาลัยชีวิต มหาลัยที่กว้างขวาง และไม่มีวันที่จะเรียนจบ *-*

  28. jummdcu Says:

    กำลังใจกำลังมา….

    “ชีวิตคนเราก็เหมือนกับหนังสือ จะตัดสินกันกลางทางไม่ได้
    ต้องอ่านให้ถึงตอนจบจึงจะสรุปได้ว่าดีหรือไม่ดี
    และการเดินทางของชีวิตก็เหมือนกับการปั่นจักรยาน
    ตอนขึ้นอาจจะยากลำบาก แต่หากผิดพลาดหรือล้มลงก็ไม่เจ็บเท่าไหร่
    ไม่เหมือนกับตอนลงที่ลงง่าย ไม่ต้องใช้แรงมาก
    แต่ถ้าล้มเมื่อไหร่ก็เจ็บหนักทุกครั้งไป”

    ขอหยิบยกถ้อยคำนี้ขึ้นมาอีกครั้งนะจ๊ะ
    ดีใจที่ช่วยคลายปมที่คิ้วของใคร-ต่อ-ใคร
    ขอบคุณที่กลับมาสร้างรอยยิ้มให้กับ “พวกเรา” อีกครั้ง
    สุดท้าย…ขอบคุณที่ทำให้กิจวัตรประจำวันของพวกเรา
    ยังคงดำเนินต่อไปได้เหมือนเดิมจ้า 😀

  29. tuleedin Says:

    ขออนุญาตให้กำลังใจอีกสักคนขอรับ

    ดีใจที่พลิกสถานการณ์กลับมาอย่างรวดเร็ว
    นั่นนับเป็นความเข้มแข็งชนิดหนึ่ง!

    ข้าพเจ้าได้รับสาระไปมากมายจากการที่ท่านเขียนทุกวันอย่างเอาใจใส่
    คงเหมือนอีกหลายท่านที่ผ่านมาปรับรอยหยักแต่หาได้ฝากถ้อยคำขอบคุณอันใดไว้
    ห้วงเวลาที่คอมเม้นท์ปิดไปข้าพเจ้านั่งลุ้นเอาใจช่วย
    รับรู้ถึงความรู้สึกที่ท่านระบาย

    เราไม่อาจเปลียนผู้คนได้ ทำได้แต่ปรับตัวเอง !

    จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่เงื่อนไขแต่ละคน
    ตราบใดที่ยืนอยู่ในมุมสาธารณะในฐานะนักเขียน ยังคงต้องพบเจอสภาวะเช่นนี้อีกต่อ ๆ ไป

    ข้าพเจ้าไม่เชื่อเรืองความเข้มแข็ง หรืออ่อนแอ
    เจออีกคราใด เราย่อมมีความรู้สึก
    เพราะเราก็ปุถุชน

    ที่ข้าพเจ้าเชื่อคือกำลังใจขอรับ
    กำลังใจที่เกิดจากระลึกรู้ว่าเรากำลังทำอะไร? เพื่ออะไร?
    เป็นความชัดเจนต่อวิถี
    เป็นกำลังใจที่สร้างให้กันไม่ได้ เราได้แต่สร้างเอง!

    แต่ส่งถึงกันได้ รับรู้กันได้ถึงกำลังใจที่มีอยู่รายรอบ
    ข้าพเจ้าขอส่งมาถึงท่าน

    ด้วยจิตน้อมคารวะขอรับ
    ธุลีดิน

  30. moodee Says:

    สวัสดีค่ะ คุณเจ้าของบ้าน

    มีโอกาสผ่านมา จากช่องทางของคนที่หมู่บ้าน
    เดียวกันน่ะค่ะ .. เพิ่งจะได้ค่อยๆ ดู ค่อยๆ อ่าน
    แวะมาทักทายเจ้าของบ้านก่อนนิดนึงนะคะ 🙂

  31. แขก Says:

    เพิ่งกลับมาจากบ้านนอกครับ
    มาถึงห้องก็รีบตรงดิ่งไปบ้านพักฝากอากาศ
    ดีใจจนไม่รู้จะบรรยายยังไงที่ประตูบ้านเปิดแล้ว
    รู้แต่ว่าหัวใจพองโต

    ความอ่อนแอนะมีกันทุกคน
    แต่ความกล้าหาญนะไม่แน่
    รู้ตัวมั้ยท่านนิ้ว ท่านกล้าหาญมากที่แสดงความรู้สึกตรงๆ

    …อย่างน้อยตอนนี้ก็สบายใจแล้ว
    แขกๆมากันหลายคนแล้ว เตรียมต้อนรับกันให้ดีนะท่าน

    ปล.ขอพลังจงอยู่กับท่าน

  32. roundfinger Says:

    ขอบคุณเพื่อนบ้านทุกคนมากๆ ครับ
    จริงๆ แล้วไม่ตั้งใจจะเขียนหัวข้อนี้ขึ้นมา
    เพื่อเป็นกล่องสำหรับหย่อน ‘กำลังใจ’ แต่อย่างใด
    เจตนาที่เขียนขึ้น เพื่อขออนุญาต
    และอธิบายความรู้สึกมากกว่าน่ะครับ

    ไอ้ตอนเขียนก็ไม่ได้คิดว่าเศร้าหรือหดหู่อะไรขนาดนั้นนะครับ
    สงสัยว่าจะเขียนช่วงอากาศหนาว หุหุ ก็เลยเหงาเกินไปหน่อย

    แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเพื่อนบ้านทุกคนด้วยใจจริงครับ
    สำหรับความปรารถนาดีที่ส่งมาทางตัวหนังสือ
    อ่านแล้วนึกว่าตัวเองเป็น ‘ยุ้ย’
    แหม…ก็ ‘ญาติเยอะ’ ไงครับ! (ตึ่งโป๊ะ!)

    ขอบคุณ
    keyzame / ปุ้ม / ปอนด์ / คุณเอี้ยง / ปอ / ฟ้า / SSM /
    อ้อย / พี่ปิ่น / ศร / spermy / กีต้าร์ / พี่แป๊ด / หมี / ฮิม /
    แก้ว / สิ / Crossback / พี่แก้ว / พี่ญา / ต้อม / น้องหิมะ /
    ติ้ว / พี่จุ๋ม / คุณธุลีดิน / moodee / พี่แขก / คุณสิบ
    ขอบคุณมากๆ ครับ

    วันนี้เป็นวันที่ผมได้เห็นความมหัศจรรย์ของอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง
    หลังจากได้เข้าไป ‘ออน msn’ ในคืนนี้
    แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังครับ.

    😀

  33. หัวใจเดินทาง Says:

    มาส่งกำลังใจให้ครับ …

    บางที พอถึงตอนหนึ่งที่เรากำลังเดิน แล้วสะดุดก้อนหินเล็กๆ เข้า …
    บางทีนั้นเอง ที่แรงสะเทือนจากเท้า ส่งถึงหัวใจ …

    แรงสะเทือนจากหินก้อนเล็ก มันคลอนเรามากกว่าแรงจากหินก้อนใหญ่เยอะเลยนะครับ

    แต่รู้มั๊ย ถ้าเราเดินจูงมือกัน … แรงสะเทือน ไม่เคยเอาชนะแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเราได้เลย

  34. PeeYong Says:

    อ่านแล้วก็เข้าใจนะครับ ทุกคนก็ต้องมีมุมแบบนี้เหมือนกัน

    เป็นกำลังใจให้เช่นกัน

    สู้ๆครับ


  35. พี่เอ๋……..
    ไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยม
    แต่อ่านแล้วตกใจนิดหน่อย
    ใครว่าอะไรให้พี่เจ็บช้ำน้ำใจ T_T
    ปลอบ…คนไม่ค่อยเก่ง
    เป็นห่วงเหมือนกัน

    เมื่อนานมาแล้วก็เคยมีอาการแบบนี้เหมือนกันค่ะ
    อยากจะเขียนแต่ใจมันหดหู่ไปหมด
    พี่เพลงดาบแม่น้ำร้อยสายช่วยปลอบว่า
    “ทุกอย่างมันต้องมาจากจิตใจที่เข้มแข็ง ถ้าใจเราไม่พร้อมมันก็คงเขียนออกมาไม่ได้”

    ชอบwordpressของพี่เอ๋นะ
    อ่านแล้วไม่เหงา
    สู้ๆๆ
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ


  36. มีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้ผมมาอ่าน Blog ของคุณนิ้วกลม
    2-3 วันก่อนผมเลยเข้ามาอ่านครับ
    ว่าจะ comment ว่าชอบสักหน่อย แต่เห็นปิด comment
    ยังเดาในใจเลยว่า คงโดนคนว่าไปเรียบร้อย

    สำหรับคนเขียน Blog ถือเป็นประสบการณ์ร้ายๆ ที่ถือว่าดีเหมือนกัน
    เจอแต่ละครั้งก็ shock ไปแต่ละครั้ง แต่ก็ทำให้ภูมิต้านทานเยอะขึ้นหน่อย
    บางคนเข้ามาอ่าน ก็อ่านไม่หมด หรืออ่านไม่แตก
    บางครั้งเราเองก็เขียนผิดหรือเขียนไม่ครบ

    ทุกครั้งที่เขียน ผมรู้สึกเลยว่าเขียนยังไงก็เขียนไม่รอบด้าน
    เล็งไว้โดยไม่ต้องเพิ่งหมอดูเลยว่า ต้องมีใครบางคน มา “ว่า” อะไรบางอย่าง

    ยิ่งหลายๆ ครั้งไปแตะเรื่อง “การเมือง” “ความเชื่อ” “ฐานะรวยจน” “ศาสนา” “การท่องเที่ยวต่างประเทศ” ฯลฯ ก็จะต้องโดนใครสักคนเข้ามากระแนะกระแหน
    คือ ด่าแดกดัน

    ผมเปลี่ยนที่เขียน blog ไปเรื่อยๆ กะจะหาสังคมที่สงบๆ อยู่
    ผู้คนผู้คุยกันดีๆ เพื่อให้ข้อมูลมันมาผสม คนเคล้า เพื่อให้สะกิด ต่อยอด แตกหน่อ
    ปรับเปลี่ยน เรียนรู้ ประยุกต์ใช้ต่อไปในชีวิตแต่ละคน
    แม้ไม่รู้จักกัน แต่ก็อยากเหมือนมีมิตรภาพแขวนลอยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

    ตอนนี้ผมก็เปลี่ยนไปเขียนอีกที่หนึ่ง คิดว่าสังคมนี้จะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง

    คุณนิ้วกลมปิด comment หนีเป็นพักๆ หรือ ลบ comment ที่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวไปพัก ๆ ก็ถือว่าเก่งแล้วล่ะครับ

    เมื่อหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เปิดไว้อย่างนี้ ก็ต้องรู้สึกรู้สาบ้างเป็นธรรมดา เป็นกำลังใจให้ครับ

  37. chelie416 Says:

    โย่วๆ น้องนิ้วพริ้วลม

    อ๊ะ…. ไหวเอน ก็เป็นด้วยเนาะ นิ้วเนาะ
    แสดงว่าตอนที่อารมณ์ ไหวๆ เอนๆ แบบนี้
    ต้องเป็น “นิ้วนาง”
    นิ้วนางอยู่ระหว่างนิ้วกลาง กับนิ้วก้อย…
    จริงๆ แล้วมัน “ยกยาก” กว่าทุกนิ้ว,
    แต่มันสำคัญกับสาวๆ มากเลยทีเดียวเชียว ( อิอิ )

    เป็นห่วง –
    ที่คนที่มองโลกในแง่ดี (จนเกินไป)

    พี่เมกิฮ่ะ

  38. Sukanlaya Says:

    ดีใจที่บ้านหลังนี้เปิดต้อนรับอีกครั้ง
    หลังจากนอนหนาวนอกบ้านมาตั้งหลายวัน

  39. Modz(มด) Says:

    วันนี้เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกเศร้าๆ

    พี่เอ๋ทำใจให้สบายน้า ไม่ต้องคิดมาก

    อ่านไปแล้ว รู้สึกดีที่มีชื่อมดอยู่(อ๊าก…ดีจายโคตรรร)

    ไม่ต้องคิดมากน้า…

    เป็นห่วงๆ

    ยังไงก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้วค่า

    เป็นกำลังให้เสมอน้า

    ป.ล.1 ยังรู้สึกดีที่พี่เอ๋ยังมีอารมณ์อ่อนไหว เสียใจเป็นกับเค้าอยู่บ้าง
    ป.ล.2 เรื่อง comments ไม่ต้องคิดมากหรอก โดนลบบ้างหรือว่าอะไรต่างๆ นานา Don’t worry ค่ะ
    ป.ล.3 เหมือนกับที่พูดไปข้างบนว่า”ไม่หนีไปไหนแน่นอน”

  40. Modz(มด) Says:

    อ้อ! ช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาบ่อย มดหวังว่าในทุกๆครั้งที่มดเข้ามา

    บ้านพักฝากอากาศหลังนี้จะยังเปิดต้อนรับเพื่อนบ้าน

    ทุกๆคน(+มดด้วย)อยู่น้าค้า

    แล้วคุยกันค่ะ!

  41. สิ Says:

    เห้อ เสียดายไม่ได้เจอพี่เอ๋ในmsnนะคะ

    เนื่องจากว่าสิอยู่ในสถานะใกล้สอบเต็มที

    หวังว่าพรุ่งนี้จะได้เจอกัน =]

    ปล.อากาศหนาวเหรอ เริ่มร้อนๆแล้วนะ

  42. Kyoto Admirer Says:

    หวัดดีครั้งแรกค่ะ

    รู้จักคุณนิดๆ จาก “โตเกียวไม่มีขา” แล้วเผอิญว่าได้มาเจอบล็อกนี้ เลยได้รู้จักตัวหนังสือของคุณมากขึ้นอีกนิด

    …ชื่นชมแนวคิดและสำนวนการเขียนค่ะ


  43. มีคนบอก…คนที่หัวเราะดังย่อมร้องไห้ดัง นั่นไม่ผิด
    น้ำต่ทุกหยดที่กลั่นออกมาจากความอ่อนแอ..นั่นคอยเตือนบอกว่า ไม่นานเราจะเข้มแข็ง
    เป็นเรื่องดีที่คนเขียนหนังสือนั้นมีจิตใจที่อ่อนไหว…เพราะงานของที่เราทำนั้นต้องใช้อารมณ์ ไม่งั้นคงใส่โปรแกรมให้คอมพิวเตอร์เขียนแทนไปได้แล้ว
    เอ๋ เป็นคนที่น่ารักที่สุดคนหนึ่งในบรรดานักเขียน(ไม่ต้องงง คุณนั่นแหละคือนักเขียน)ที่ผมสามารถสัมผัสและรู้สึก…ผมตัดสินใจโดยมองจากแค่ตัวหนังสือ ผมเชื่อมั่นเช่นนั้น
    ไม่น่าแปลกที่มีแฟนมากมายเข้ามาให้กำลังและติดตามผลงาน…เพราะว่า เอ๋ จริงใจเป็นอย่างมาก ผมสัมผัสได้
    อยากให้เรื่องเช่นนี้ติดตัวเอ๋อยู่ตลอดไป..และไม่อยากให้มันเปลี่ยนแปลง
    แต่ก็มีสิ่งที่อยากให้เปลี่ยนแปลง…คือเรื่องการเรียนรู้จากน้ำตา
    น้ำตาที่มันหลั่งไหลออกมา…จะไร้ค่าถ้าเราไม่ศึกษาที่มาของมัน
    หรือเราจะปล่อยให้มันระเหยไป…และหายไปแบบไม่รู้เรื่องราวใด

    ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ…

  44. ช่อแก้ว Says:

    เออ ดีแล้วนะเนี่ย ที่ออกมาแถลงข่าวซะก่อน
    ไอ้เราก็เป็นห่วงนะ

    กลัวจะไม่มีหนังสือหนุกๆให้อ่านซะอีก
    คิดกันไปไหน
    รูไหมว่าคุณทำให้น้องๆในบอร์ดร้องไห้กันไปตั้งหลายคน
    เรื่องที่เขียนมันเศร้า
    ยิ่งคนที่เราผูกพันเศร้ากันก็ยิ่งเศร้าไปกันใหญ่

    กะว่าจะโดดงานไปแล้วนะพรุ่งนี้ อยากจะไปดูว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
    เห้อ
    เมื่อสรุปอย่างนี้
    ไม่ต้องห่วงแล้ว
    พรุ่งนี้เช้าเราจะตื่นมาอย่างสดใส ไม่ต้องมีห่วงเพิ่มขึ้น(ห่วงพี่ไง)

    พรุ่งนี้ก็สดใสเหมือนเดิม

    อยากจะบอกเธอนะว่า
    ไม่ว่าอยู่ตรงนี้หรือตรงไหน
    ฉันจะอวยพรให้เธอเสมอ

  45. โม Says:

    ไม่ได้มาบ้านพักฝากอากาศ หลายวันก็งงเลยค่ะ เพิ่งทราบจากพี่แก้วด้วยว่า

    เจ้าของบ้านตอนนี้รู้สึกเหนื่อย อยากให้พี่เอ๋ลองฟังเพลง

    ” เพื่อนเอย ” ของวงพรู นะคะ

    ให้กำลังใจด้วยเพลงละกัน

    พรุ่งนี้เจอกันนะคะ อย่าลืมยิ้มหวานๆให้กล้องด้วยน้า

    ยกมาท่อนนึงนะ

  46. เติ้ล Says:

    ไม่ได้แวะเวียนมาไม่กี่วัน – – โผล่มาอีกทีก็ comment ยาวเป็นวา

    หนึ่งข้อดีของโลก Network – – เรา ‘เลือกจะลบ’ อะไรก็ได้ เพื่อตัวเรา
    เติ้ลเองก็ลบ blog ตัวเอง ลบ comment ทำลายและทำร้ายใจบ่อย ๆ
    เติ้ลว่านี่คือสิ่ง ‘ดี’ ค่ะ
    เพราะเวลาตัดกลับมานอกโลก Network – – หลายครั้งเรา ‘เลือกจะลบ’ อะไรออกจากชีวิตเราได้ไม่ง่ายนัก
    มันติดแน่นคงทนกว่า blog หรือ comment เยอะ
    เพราะฉะนั้นเติ้ลเลยเชื่อว่า …
    เมื่อมีโอกาสลบสิ่งที่เรา ‘ลบได้’ ก็น่าจะลบ
    เป็นการชดเชยหลายเรื่องในชีวิตจริงที่ลบไม่ออกเสียที

    🙂

    ป.ล. พรุ่งนี้เปิดตัวสมองไหวฯ แล้ว – – สุขสันต์วันเปิดตัวล่วงหน้านะคะ 🙂

  47. [2HB] Says:

    ยังคงเข้ามานั่งเล่นที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ

    ถึงแม้จะไม่ได้ทักทายกับเจ้าของบ้าน

    แต่ยังคงรู้สึกเดิมๆอยู่เสมอว่า

    บ้านหลังนี้ไม่ได้มีความอ่อนแอ

    แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

    ที่ปลอบโยนเพื่อนบ้านอย่างผม

    ให้เดินหน้าสร้างบ้านที่ดีอย่างบ้านหลังนี้

    แล้วแวะมาเที่ยวบ้านผมบ้างนะคับ

  48. jummdcu Says:

    ชอบคำว่าอ่อนโยนจัง

  49. nine9 Says:

    เกิกไรขึ้นหรอครับ……!!!!!ไม่รู้เรื่องเลย

    ตกข่าวเลยเราไม่มีคนสนใจ

  50. Modz(มด) Says:

    พี่เอ๋

    วันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาในบ้านที่อบอุ่นหลังนี้อีกครั้ง

    (ก็เจ้าของบ้านออกจะอ่อนโยน อบอุ่น..^^)

    ขอให้วันนี้ งานเปิดตัวหนังสือที่แสนจะโรแมนติก

    ผ่านไปได้ด้วยดี

    ถึงตัวไม่ไป..แต่ส่งใจไปเชียร์ค่า

    วางร้านหนังสือเมื่อไหร่บอกด้วยน้าค้า

  51. roundfinger Says:

    ขอบคุณเพื่อนบ้านทุกคนครับ
    คุณหัวใจเดินทาง / PeeYong / ฤดูฝน / คุณนฤมิตร /
    พี่เมกิ / คุณ Sukanlaya / มด / สิ / พี่สิบเดซิเบล /
    โม / เติ้ล / [2HB]

    สวัสดีคุณ Kyoto Admirer และ คุณ nine9 ครับ

    โม…เพลงเพื่อนเอยของพรู ร้องว่า
    น้องเอ๋ยข้างนอกมีเรื่องมากมายสุขและทุกข์วุ่นวายทั้งหลาย
    คนที่รักเธอคงมี คนที่หนีเธอคงเจอ แต่ไม่ว่าเป็นยังไง
    ตราบใดที่ใจของเธอยังมีหวัง ฉันนั้นขอเป็นกำลังใจให้เธอ
    ได้พบกับวันที่รอมาเสมอ ขอเพียงแค่เธอ
    เข้าใจในทางที่เดินอยู่ และแน่ใจว่ามันถูกก็พอ…
    ใช่ไหม?

    ตั้งแต่ดูหนังเรื่อง Final Score จบสองรอบ
    เราก็เปิดฟังในรถตลอดเลย เพลงนี้เพราะขึ้นเยอะ
    หลังจากดูหนังเรื่องนี้
    😀

    เดี๋ยวคืนนี้มานั่งคุยกันในหัวข้อใหม่ครับ!
    😀

  52. Modz(มด) Says:

    ดีใจที่พี่เอ๋สดใสขึ้น^^

    ไม่รู้สิ..

    ความรู้สึกมดนะ เหมือนพี่เอ๋แฮปปีขึ้น

    แล้วจะไปงานเปิดตัวหนังสือกี่โมงเนี่ย?

    อ้อ!

    หนังสือนี่วางในร้านวันนี้เลยป่าว?

    สงสัยมากมาย

  53. Modz(มด) Says:

    อ้อ!(อีกที)

    คืนนี้จะคุยหัวข้อใหม่หรอ

    ว้า…ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เข้ามาอีก

    [ป.ล. รักษาสุขภาพด้วยนะ เจ้าของบ้านที่แสนอบอุ่น เอาไว้จะแวะมานั่งที่โซฟาอุ่นๆ มีต้นไม้สีเขียวครึ้ม มีน้ำเย็นๆ..มีเจ้าของบ้านน่ารัก]

  54. เติ้ล Says:

    เห็น สมองไหวในฮ่องกงแล้ว – – หน้าปกชมพูได้อีกท่านพี่
    วางในร้านไม่เห็นให้มันรู้กันไป 🙂

    ป.ล. ขอให้บ่ายนี้ เปิดตัวอย่างสุขสันต์ขอรับ 🙂

  55. โม Says:

    พี่เอ๋(ย) รู้ได้ไงว่าอยากให้ฟังท่อนนี้อะ

    ก้อนั่นแหล่ะ อย่างในเพลงนะค่ะ

    พี่เอ๋(ย)

  56. ต้อม Says:

    โอ้ย..วันนี้ตื่นเต้นจังเลย
    ประหนึ่งเป็นคนจัดงานเอง

    วันนี้เป็นวันที่น่าเสียดายอีกวันหนึ่งสำหรับต้อม
    ไปก็ไม่ได้ไป แบตฯ โทรศัพท์ก็หมด
    อดฟังการถ่ายทอดสดเลยเรา

    อย่าลืมเอามาเล่าให้ฟังบ้างเน้อ
    เจ้าของบ้านจ๋า


  57. ดีฮะ พี่เอ๋
    เพิ่งไปเจอที่อยู่บ้านพี่จากเวบนึงโดยบังเอิญซะงั้น
    แล้วจะตามเข้ามาอ่านบ่อยๆครับ


  58. พี่เอ๋คะ
    อ้อมเอง อ้อมเข้ามาอ่านอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้ทิ้งรอยอะไรไว้
    แต่วันนี้
    http://tinnakarn.exteen.com/20070131/disappear
    รบกวนหน่อยเถอะพี่
    กรณีเดียวกัน

    อีก 2 วัน หนังสือที่มีจดหมายของพี่ จะเข้าโรงพิมพ์แล้วค่ะ
    หวังว่า จะไม่เกิดเรื่องแบบในเอนทรี่นี้ของอ้อมอีก

  59. tiktok Says:

    แวะมาบอกว่า แค่เห็นชื่อ มุราคามิ, เห็นเนื้อเพลง Can’t Help Falling In Love, และเพลง In My Life

    หัวใจก็ไหวให้กับ ‘สมองไหว ในฮ่องกง’ แล้วค่ะ 🙂

  60. สิ Says:

    พี่เอ๋ ดีใจที่วันนี้ได้เจอ ถึงจะไปไม่ทันฟังพี่เอ๋พูดก็ตาม 555+ รีบสุดชีวิตแล้วค่ะ

    พี่เอ๋ สิเป็นคนนึงที่ประทับใจกับเพลงcan’t help falling in love

    ครั้งแรกที่ได้ฟังตอนป.4 ชอบบางท่อน ตอนนั้นยังไม่รู้ความหมายของเพลงเลย

    จนเอาคำว่าsinในประโยคWould it be a sin ในเพลงมาตั้งเป็นชื่อเมลล์ซะแล้ว

    ยังอ่านไม่จบเลย แต่วันนี้สิได้ไปผจญภัยแบบคนเดียวๆ ที่ทำให้รู้ว่าอยู่คนเดียวเวลามันผ่านไปช้าแล้วหละ

    ไว้จะมาเล่าให้ฟังค่ะ =]

    ปล.แอบสงสัยว่าอะไรที่ทำให้พี่เอ๋คิดไม่ถึงว่าสิเด็กขนาดนี้(รึเปล่า?)
    แต่เคยมีคนบอกสิแบบนี้2-3คนแล้ว ว่าในอินเตอร์เน็ตดูโตแล้ว – -“”
    ปล.งานฝีมืออีกชิ้น(ถัดจากพวงกุญแจ)ที่ตั้งใจทำให้ เขียนอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง
    แต่หวังว่ามันจะทำให้พี่เอ๋ยิ้มได้ไม่มากก็น้อย ^^
    ปล.ได้เจอพี่เอ๋2ครั้ง(ครั้งแรกที่tk park) สังเกตว่าใส่เสื้อดำ2ครั้งเลย
    แอบปิดบังอะไรรึเปล่า 55

    แวะมาคุยเล่นก่อนสอบค่ะ =]

  61. Chabaa Says:

    บล็อกก็เหมือนบ้าน…นิ้วกลมพูดคำนี้บ่อยๆ
    แล้วเราว่าการที่ผู้คนมากหน้าหลายตาแวะมาเยี่ยมเยียนบ้านหลังนี้บ่อยๆ
    ถ้าไม่ติดใจเจ้าของบ้าน…ก็คงเพราะติดใจห้องรับแขก
    เราเองก็แวะมาเยี่ยมบ่อยๆ ทักทายเจ้าของบ้านบ้าง ไม่ทักบ้าง…ตามแต่มารยาทในขณะนั้น
    แวะมาบ่อย ทำให้รู้จักเจ้าของบ้านมากขึ้น
    สนิทกับเจ้าของบ้านมากขึ้น…สนิทอยู่ห่างๆ
    แล้วจะแวะมาเยี่ยมใหม่นะ…

    เพื่อนบ้านเยอะขนาดนี้…หมู่บ้านใหญ่น่าดูเลยนะเนี่ย อบอุ่นน่าดู
    ^_^

  62. แขก Says:

    ท่านนิ้วขอรับ
    ลูกก็คลอดเสร็จไปเรียบร้อยแล้วอีกหนึ่ง
    แขกก็มารอเต็มบ้านแล้ว
    เสิร์ฟ ‘อาหาร’ ได้แล้วกระมังครับท่าน
    อยากร่วมวงบริโภคกับท่านและผองเพื่อนเต็มทีแล้วขอรับ
    นะ ท่านนะ… 😀

  63. jummdcu Says:

    นิ้วเริ่มแข็งแรงแล้ว
    เดี๋ยวคงเสิร์ฟอะไรมาให้เพื่อนบ้าน
    ดูซิ ตาแป๋วเลย


  64. เพื่อนบ้านเค้าน่ารักน่ารักตั้งเยอะ
    นิ้วกลมปิดบ้านไป เค้าก็เสียใจกันแย่สิค๊ะ
    แล้วเราก็เสียใจด้วย

    “แล้วถ้านิ้วกลมไม่อยู่ เพื่อนๆจะยกกับข้าวฝีมือเด็ด
    หรือขนมของฝากแม่กิมไล้ ให้ใครล่ะเนี่ย”

    วันนี้ขอเอา “กำลังใจ”ก่อนนะค๊ะ

    แล้วกับข้าวฝีมือหม่าม๊า ค่อยตามมา
    สู้สู้

  65. พี่จุ๋มเอง Says:

    เจ้าหญิงฯ มาช่วยเสิร์ฟด้วยเหรอ
    ดีๆจ้า เอากำลังใจมาให้บ่อยๆนะ 😀

  66. ตุลาคม Says:

    ห้องรับแขกน่านอนจัง…

    เข้มแข็งนะ..

  67. Firefly Says:

    เรายังไม่ได้ไปดู Final score หรอก แต่เพิ่งรู้จากเอ๋ ว่าเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ เพลง เพื่อนเอ๋ย ของพรู ซึ่งส่วนตัวเราชอบเพลงนี้มากๆๆๆๆๆๆเลย ให้กำลังใจดีเนอะ

  68. Firefly Says:

    เอ๋ อย่าปิดตัวเอง เราเป็นกำลังใจให้นะ ทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดหรอก คนที่เข้ามาหาเราแบบที่ไม่ดีเราก็เลี่ยงเสีย หันไปหาคนที่รักเราดีกว่านะ

  69. roundfinger Says:

    ขอบคุณครับ คุณ Firefly
    ผมก็ชอบเพลงเพื่อนเอ๋ยมากๆ เช่นกัน
    นี่ยังฟังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกวันเลยครับ
    ถ้าเป็นเทปคงยืดไปแล้ว ฮ่าฮ่า…
    😀

  70. SkySeries Says:

    ..ลบตามสบายเลยค่ะ
    สิ่งนี้แหละค่ะที่ทำให้บล็อกต่างจากบอร์ด
    เพราะถือว่าคุณกำลังก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าบ้าน:)

    เปิดประตูดีแล้วแหละค่ะ .. ไม่งั้นให้เห็นแต่หน้าบ้านแขกอึดอัดแย่
    อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกล:)

  71. ช่อแก้ว Says:

    ไม่เป็นไรแล้ว
    เราไม่เครียด
    (:

  72. jutha Says:

    ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
    ……ห้องรับแขก ที่น่าพักผ่อน…..
    ..ขอพักงีบ หนึ่งนะ …


ส่งความเห็นที่ เติ้ล ยกเลิกการตอบ