ผมเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ โชคดีที่มือไม่ได้ถือเทียนเอาไว้
ไม่งั้นพุทธศาสนิกชนในบริเวณนั้นอาจมาเดินตามหลังแล้วช่วยกันเวียน
รอบพระอุโบสถ เอ้ย! รอบร้านตัดผมร้านนั้น
มันเป็นร้านตัดผมที่ดูดี ไม่แฟชั่น ไม่วัยรุ่นจนน่ากลัว ไม่เต็มไปด้วย
พี่กอล์ฟกับน้องไมค์กำลังถือไดรย์ ถือกรรไกร ไม่เต็มไปด้วยช่างตัดผม
ที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนดรากอนบอล ย้อมหัวทองทั้งกบาล
และไม่เต็มไปด้วย “ไก่” ที่มีขนหัวสีรุ้ง เอ่อ ก็ไม่ได้ว่าอะไร หัวใครหัวมัน
แต่เวลาเจอร้านตัดผมที่เต็มไปด้วยผู้คนประเภทนี้ ขนบนหัวมักจะลุก
และคิดว่าตัวเองไม่เจหรือเค-ป๊อป เพียงพอที่จะก้าวเท้าเข้าไป
ให้พี่ๆ น้องๆ ในร้านเปลี่ยนลุค ยกเว้นแต่ถ้าเปลี่ยนลุคเป็นนักบวชเส้าหลิน
อันนั้นพอวางใจได้ แต่ก็กังวลนิดหน่อยว่าพี่แกจะย้อมหัวทองให้
เป็นอรหันต์ทองคำ!
ร้านนี้เรียบๆ สว่างๆ สะอาดๆ แต่ก็ดูทันสมัย ผู้คนที่มาตัดก็ดูโตๆ กันแล้ว
ห่วงก็แค่ราคา หลังจากที่ผ่านการโกนกบาลมาด้วยราคาสี่สิบหยวน
แล้วโดนเพื่อนหัวเราะเยาะว่านั้นเป็นราคาที่แพงเกินไป
คราวนี้จึงตั้งใจจะไม่ให้โดนขำ และนั่นเป็นเหตุผลให้เดินวนไปมาหลายรอบ
สุดท้ายจึงตัดสินใจ สูดหายใจเต็มปอดหอบหัวเน่าๆ เข้าไปถามราคา
หญิงสาวบอกว่า มีสามราคาให้เลือก สามสิบแปด, หกสิบแปด, ร้อยยี่สิบแปด
เราพยายามนึกภาษาจีนเพื่อจะถามว่ามันต่างกันตรงไหน แต่นึกไม่ออก
ไม่ใช่นึกไม่ออกหรอก มันไม่มีศัพท์ในกบาลใต้ทรงผมเน่าๆ นั้น
จึงถามไปเป็นภาษาอังกฤษ พนักงานเริ่มหวั่นใจ ทำหน้าเหมือนมนุษย์ต่างดาวบุกร้าน
มือไม้ก่ายเกาะ ตาส่ายเหมือนถูกจับได้ว่าขโมยทองจากร้านฮั่วเซ่งเฮง
พยายามมองหาใครสักคนมาช่วยให้พ้นไปจากรัศมีของมนุษย์ต่างดาวตนนี้
ผมจึงคิดว่าควรทำอะไรสักอย่างให้เธอหายใจได้คล่องขึ้น ก่อนจะล้มพับไป
ผมตัดสินใจยกมือขึ้นทำท่าบ้ายบาย จริงๆ ผมอยากสื่อว่า “ไม่เป็นไรครับ”
เธอคว้ามือมนุษย์ต่างดาวหมับ! เอาวะเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน อย่างน้อย
เราจะปล่อยมนุษย์หัวกบาลยุ่งออกไปจากร้านไม่ได้ ต้องได้เงินมันบ้างล่ะ
ว่าแล้วเธอก็ชี้ให้ดูหน้าตาช่างที่วางระดับไว้สามขั้น ผมแทบจะร้องออกมาว่า “อ๋อ”
แต่ก็เก็บอาการไว้ กลัวเธอจะขอตัวไปเปิดดิกฯ อีกว่า “อ๋อ” แปลว่าอะไร
อ๋อ มีช่างหลายระดับ พวกพี่ข้างบนนี่คงชนะมาหลายเวที
เคยผ่านกบาลดารามาหลายคน ส่วนพวกด้านล่างนี่ก็คงพวกกำลังโตวันโตคืน
แหม พลาดได้ไง คนใจดีอย่างเรา ต้องสนับสนุนน้องๆ ที่กำลังมาแรง
ผมตอบไปเต็มเสียง “สามสิบแปดหยวน” แล้วยิ้มอย่างคนใจดี
ทำหน้าคล้ายคุณหญิงคุณนายเวลาไปแจกของให้เด็กบนดอย
ช่างตัดผมของผมหน้าเด๋อเหมือนเด็กมหาลัยมารับจ๊อบ
แค่วันนี้น้องเขาไม่เสิร์ฟพิซซ่า แต่หันมาเสิร์ฟทรงผมแทน
เขาเดินมาด้วยความมุ่งมั่น แววตามั่นใจ ส่งเสียงนุ่มนวลเป็นภาษาจีน
ผมยิ้มแหะแหะ แล้วพูดภาษาอังกฤษสั้นๆ “เอาตรงนี้สั้นหน่อย”
เท่านั้นแหละ น้องแกก็หน้าตาตื่น กลืนน้ำลายลงคอสามอึกรวด
ตาสอดส่ายมองหาจตุคามฯ มาห้อย หากฉวยกระเทียมได้ก่อนก็คงใช้แทน
ไปพลางๆ กระทั่งผมลองเปลี่ยนคำพูดเป็นภาษาจีนเพี้ยนๆ ของผม
น้องแกจึงหายใจเข้าปอดลึกๆ และกลับมายืนใกล้ๆ ผมอีกครั้ง
ราวกับว่า ผมได้รับการพิสูจน์แล้วว่า หายจากเชื้อ H5N1
เราคุยกันรู้เรื่อง!
แต่ผมก็กลัวอยู่เหมือนกันว่า ถ้ากูจำสลับ สั้นเป็นยาว ยาวเป็นสั้น
หัวกบาลจะออกมาเป็นยังไง? เพราะที่สั่งไป ตรงกลางยาว ข้างๆ สั้น
ถ้ากลับกันคงเป็นทรงผมที่มีสไตล์ใหม่ดีไม่หยอก
หลังจากสระผม น้องแกก็ค่อยๆ จับกรรไกรมาแงบไปแงบมา
มือสั่นเหมือนกำลังตัดผมให้แฟนสาวในวันแรกที่ได้ไปเดทด้วยกัน
มันมองแววตาเลิ่กลั่กข้างหลังแว่นหนาๆ ของน้องชาย
แล้วอยากหันไปบอกว่า “โปรดใจเย็น น้องชายใจเย็นไว้ก่อน
อย่าใจร้อน เส้นผมกูไว้ตั้งนาน ค่อยเป็นไป ใช้กรรไกร
เก็บปัตตาเลี่ยนไว้ดีกว่า เกิดมึงตัดแหว่งขึ้นมา กูต้องโกน…”
น้องแกสั่น แต่ก็สั่นสู้ จังหวะเริ่มเข้าที่เข้าทาง
ท่าทางเริ่มทะมัดทะแมง แววตาเริ่มมั่นใจเหมือนนักมวยยกสาม
ที่ต่อยเข้าเป้าในยกหนึ่งยกสองมาแล้ว ผมเองก็เริ่มสบายใจ
ผ่อนคลายมากขึ้น ว่าแล้วก็หัวเราะพวกเลือกราคาร้อยยี่สิบหยวนในใจ
ฮ่าฮ่า สามสิบแปดหยวนสิเว้ย ให้โอกาสเด็กได้ดัง ตังค์อยู่ครบ
สระผมอีกรอบ เป่าผม ผู้ช่วยเด็ก (ซึ่งโคตรเด็ก คนนี้นี่เหมือนมัธยม)
ควักเยลยีกบาลให้ยุ่งๆ แล้วผายมือเหมือนลูกบ้านในหนังจีน
หากมีไดอะล็อก มันต้องดังขึ้นมาว่า “ส่งแขก”
ถึงผมไม่ใช่แขก แต่ผมก็ได้เวลาลุกออกจากร้านเสียที
ช่างตัดผมมองทรงผมไม่แหว่งของผมอย่างภูมิใจในฝีมือตัวเอง
แล้วส่งยิ้มให้ พูดออกมาสองพยางค์ “บ้ายบาย”
ผมยิ้ม “แท้งกิ้ว บ้ายบาย” ควักเงินจ่ายไปสามสิบแปดหยวน
ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีน้องแกถึงจะได้เลื่อนขั้นไปตัดกบาลละหกสิบแปดหยวน
แต่ผมว่าคงอีกไม่นาน เพราะเมื่อวานผมไปตัดมาอีกที
เลือกน้อง “นีโม่” คนเดิม คราวนี้ผมรู้ชื่อน้องเขาล่ะ
น้องแกยิ้มแฉ่งเลย จำกันได้ คราวนี้ตัดคล่องขึ้นเยอะ
แต่คราวที่แล้วเอ็งตัดดีกว่าว่ะ คราวนี้เอ็งคล่องไปหน่อย เกือบแหว่ง!
มันก็ไม่แพงหากเทียบกับร้านทำนองนี้ในเมืองไทย
เทียบเป็นเงินไทยก็ สองร้อยบาท
เพื่อนๆ ที่นี่ตัดกันทีราวกับเศรษฐีเทวดานั่งเมฆลงมาตัดพระเกศี
ล่อกันครั้งละสองร้อยกว่าหยวนเกือบสามร้อย
นั่นหมายถึงเฉียดหนึ่งพันห้าร้อยบาทเลยทีเดียว
ตัดไปก็นึกถึงร้านประจำที่เมืองไทย “ฉือไคว่” เท่านั้นเอง
“สิบหยวน” เป็นเงินไทยก็แค่ “ห้าสิบบาท” เองครับ!